นักวิชาการด้านกฎหมาย ปชป. ชี้ เจี๊ยบ อมรัตน์ นำภาพหาเสียงที่ขอนแก่นแต่บอกว่าเป็นภาพการหาเสียงที่ระยอง ต้องรับผิดตาม พรบ. คอมฯ และ พรป. เลือกตั้ง ฯ จี้ กกต.-ดีอี ดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า จากกรณีที่ เจี๊ยบ ก้าวไกล หรือ เจี๊ยบ อมรัตน์ อดีต สส. พรรคก้าวไกล ได้โพสภาพการหาเสียงเพื่อการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดระยองซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 10 กันยายน 2566 แต่ต่อมาชาวโซเชียลจับได้ว่าที่จริงแล้วเป็นภาพการปราศรัยที่ขอนแก่นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 นั้น
นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ความเห็นว่า การกระทำของคุณเจี๊ยบเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 14 (1) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 ซึ่งกำหนดว่า “ผู้ใดโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน….ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” เพราะการกระทำของคุณเจี๊ยบทำให้ประชาชนเสียหายเนื่องจากการโพสรูปดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดถึงคะแนนนิยมของผู้สมัคร ทำให้เจตนารมย์ของการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยถูกบิดเบือนไป
นอกจากนี้การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 มาตรา 73 (5) ซึ่งกำหนดห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการหลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง อีกด้วย
ซึ่งมีโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนดยี่สิบปี
ทั้งนี้แม้ในภายหลังจะมีการลบโพสดังกล่าวออกไป หรือมีการออกมาแก้ไขหรือขอโทษ ก็ไม่อาจลบล้างความผิดที่ได้กระทำสำเร็จไปแล้วให้หมดสิ้นไปได้ จึงสามารถดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดได้ จึงอยากฝากให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ไม่ว่าจะเป็น กกต. ตำรวจไซเบอร์และกระทรวงดิจิทัล ฯ ดำเนินการตามกฎหมายด้วย
อาจารย์อุ๋ยทิ้งท้ายว่า ขอให้พรรคก้าวไกลที่กล่าวอ้างว่าเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ ต่อสู้ด้วยวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยอย่างเที่ยงธรรม มิเช่นนั้นก็จะไม่ต่างกับพรรคการเมืองเก่า ๆ ในระบอบเดิม ๆ ที่พรรคก้าวไกลต่อต้านมาโดยตลอด
