เดือด! ‘ศิธา’ ฟาดถมงบทหารลงสามจังหวัดชายแดนใต้ แต่ไม่เอามาพัฒนา-ไม่ถามความต้องการประชาชน ปูด ปชป. นั่ง ก.พาณิชย์ แต่แก้ปัญหาราคายางไม่ได้
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคไทยสร้างไทย ร่วมเวทีดีเบตเลือกตั้ง’66 #เริ่มใหม่ไทยแลนด์ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี จินนี่ ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ ผู้ช่วยหาเสียง พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยสร้างไทย ทั้ง 10 เขต และกองเชียร์ในพื้นที่ มาให้กำลังใจ
คำถามเรื่องการแก้ปัญหาที่ยาวนานของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ น.ต.ศิธา กล่าวว่า เวลาเราพูดถึงปัญหาที่สะสมมานาน ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง แต่พรรคก็จะโยงไปการเมืองเสมอ โยงไปถึงอดีตนายกทักษิณบ้าง อดีตนายกยิ่งลักษณ์บ้าง ซึ่งผ่านมาไม่ต่ำกว่า 8-9ปีแล้ว เราควรคุยกันเพื่อแก้ไข และทำความเข้าใจปัญหาของชาวบ้าน ซึ่งวันนี้ 3จังหวัดภาคใต้มีทหารเต็มเมือง บังเกอร์เต็มเมือง แม้กระทั่งปืนใหญ่พญาตานี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด ชาวบ้านก็พูดคุยกันว่า ควรจะคั้งไว้เป็นสัญลักษณ์ที่ปัตตานี แต่กลับเอามาไว้หน้ากระทรวงกลาโหม แล้วเอาของปลอมมาตั้งไว้แทน เวลาตรวจค้นบ้านของพลเรือน ทหารบุกไปที่บ้านใส่รองเท้าบูทบุกเข้าไปถึงห้องนอน ไปถึงที่ทำละหมาด รวมถึงการลงพื้นที่ของนายกประยุทธ์ ก็จัดกำลังพลเข้าไปดูแลจำนวนมาก แถมตัดสัญญาณโทรศัพท์ หลายปีมานี้
เฉพาะเรื่องความมั่นคง ใช้งบประมาณ 8พันกว่าล้านบาทต่อจังหวัด แต่คนในจังหวัดยังยากจน ดังนั้นตอนนี้รัฐยังไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง และไม่พัฒนา และรากปัญหาคืองบประมาณเกือบ 3หมื่นล้านต่อปี ถูกใช้ไปกับความมั่นคง ไม่ถูกใช้ไปกับการพัฒนา ทุกวันนี้เราใช้งบประมาณปีละ 25,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ2พันล้าน ชั่วโมงละ 3 ล้านบาท และใช้มาต่อเนื่อง 20 ปี จนชาวบ้านหลายคนมองว่าเป็นการเลี้ยงไข้ สร้างสถานการณ์ หรือตั้งใจให้มันคงอยู่ก็ได้ ตอนนี้มันสะท้อนรัฐอำนาจนิยมที่ใช้อำนาจนิยมเข้าไปในพื้นที่ แต่ถ้าเราฟังเสียงประชาชน จะได้ยินสิ่งที่ประชาชนต้องการจริงๆ ถ้าเขารู้สึกว่าอันตราย เขาจะเรียกร้องทหารเอง แต่พอลงไปพื้นที่สิ่งที่ชาวบ้านบอก คือไม่เอาบังเกอร์ ไม่เอากฎอัยการศึก
“ถ้าเขาอันตราย ชีวิตเขา เราไม่ต้องไปคิดแทน เขาจะบอกเองว่าขอทหารเข้ามาช่วย แต่ทุกวันนี้ไปแล้วงบประมาณก็ใช้กันแบบนี้ 2 ลุงลงไปในพื้นที่ทีใช้ทหารเป็นพันคน เราต้องทำให้เขารู้ว่าเราไว้วางใจเขา งบประมาณแปดพันล้านต่อปี เราเอาไปตั้งให้เขาเลือกตั้งกันเอง บริหารงบประมาณกันเอง เขาจะเอาไปตั้งบังเกอร์ หรือเอาไปพัฒนาจังหวัด?” น.ต.ศิธา กล่าว
ส่วนคำถามเกี่ยวกับเศรษฐกิจในภาคใต้ น.ต.ศิธา กล่าวว่า อุปสงค์กับอุปทานของปาล์มน้ำมันในประเทศพอดีกัน แต่ชาวบ้านมักโดนกดราคาเพราะอ้างว่าไม่มีที่เก็บ ในช่วงที่ผลผลิตมาก แต่พอช่วงขาดตลาดก็ขายเกินราคาควบคุม ชาวบ้านก็เริ่มกักตุน แล้วเป็นแบบนี้ตลอดคือชาวบ้านขายไม่ได้ราคาแต่โรงหีบได้ราคาแพงและทำให้ขาดตลาด เจ้าของโรงหีบน้ำมันปาล์มและยางพาราสนิทกับพรรคบ้าง เป็นนายทุนให้พรรคบ้าง เกิดแบบนี้มาตลอดจนชาวบ้านเบื่อ
ระหว่างการดีเบต นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โต้แยงว่าตนเป็น ส.ส. มาหลายสมัย มีสวนยาง สวนปาล์ม เข้าใจดีว่าเหตุผลที่ราคาตกต่ำมันเป็นเรื่องของกลไกการตลาด แต่คนใต้เข้าใจ ถ้าไม่พอใจในการบริหารบ้านเมือง คนใต้จะออกมาประท้วง แต่นี่ไม่มี อย่าพูดเอามัน แต่ไม่เข้าใจ ทำให้ น.ต.ศิธา โต้แย้งกลับไปว่า แม้ว่าตัวเองจะไม่ใช่คนใต้ ไม่มีสวนยาง สวนปาล์ม แต่คนใต้ที่ฟังอยู่ยังส่งเสียงให้ตนเวลาพูดดังกว่านายชินวรณ์ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ก็มาจากคนใต้ที่เป็นกองเชียร์พรรคอื่นด้วย ไม่ใช่แค่กองเชียร์ของไทยสร้างไทย
ส่วนคำถามเรื่องการปราบทุจริต น.ต.ศิธา บอกว่า นโยบายยกเลิกแบงค์พัน ไม่มีผล เพราะต่อยกเลิกยันแบงค์ยี่สิบก็ปราบไม่ได้ แต่จะปราบทุจริตต้องปราบสองลุงออกให้ได้ก่อน เพราะลุงได้ทำลายกลไกในการตรวจสอบถ่วงดุลไปสิ้นเชิง ทุจริตธรรมาภิบาล ทุจริตความชอบธรรม ทุจริตความเป็นกลาง ตั้งพวกตัวเองในองค์กรอิสระ ฝั่งตัวเองทำอะไรก็ถูก ฝั่งตรงข้ามทำอะไรก็ผิด แถมยังตั้ง ส.ว. มาเลือกนายกฯ ทุจริตเสียงของประชาชนที่จะเลือก พร้อมประกาศว่าจะดีเบตกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่อย่างนั้นถ้าท่านกลับมาเป็นนายกฯ และตัวเองได้เป็น ส.ส. ก็จะไปเป็นฝ่ายค้านและไปถามหาความเป็นธรรมในสภา