‘เกศปรียา’ จี้! ยกเลิกภาษีผ้าอนามัยทุกรูปแบบ เพื่อที่ผ้าอนามัยจะได้ถูกบรรจุเป็นสวัสดิการของรัฐในอนาคต ชี้! ผ่านมา 2 ปี แล้วยังเงียบ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ เผยว่า จากที่ตนเคยเปิดประเด็นเรื่องภาษีผ้าอนามัยตั้งแต่เดือน ธันวาคม ปี พุทธศักราช 2562 ว่าควรเป็นสินค้าสวัสดิการ และยกเลิกภาษีทุกรูปแบบ นี่เวลาผ่านมาเกือบ 2 ปี รัฐบาลที่ไม่มีวิสัยทัศน์ ไร้ประสิทธิภาพ ไม่ได้ทำอะไรในเรื่องนี้เลย แทนที่มีข่าวเรื่องนี้ที่ตนได้ชี้ช่องให้สามารถทำคะแนนกับประชากรสตรีได้ แต่ความไร้วิสัยทัศน์กับการมีทัศนคติลบกับคนคิดต่าง เลือกที่จะหาเรื่องปล่อยข่าวดิสเครดิตตน ว่าปล่อยข่าวปลอม ทั้งที่แท้จริงตนไม่ได้ปล่อย เพียงแต่พูดถึงประเด็นว่า การจัดผ้าอนามัยไว้ในกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางไม่ถูกต้อง เพราะสินค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เรียกเก็บภาษีได้สูง แม้จะมีกฏหมายสินค้าควบคุมมาระบุไว้ก็ควรแก้ไขให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้ายกเว้นภาษีทุกประการ และควรบรรจุไว้ให้เป็นสวัสดิการของรัฐบาลเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ลดความเหลื่อมล้ำทางเพศ เพราะผ้าอนามัยเป็นปัจจัยที่ 5 ของประชากรสตรีที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ
เกศปรียา ชี้ต่อว่า รัฐบาลที่นำโดยคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้ทำอะไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้เลยในเวลาเกือบ 2 ปี ไหนใครชอบอ้างว่ารักชาติกว่าใครๆ ชาติคือประชาชน ถ้ารักชาติจริงเมื่อมีใครเสนอหรือเปิดประเด็นเรื่องใดที่เป็นประโยชน์กับประชาชนต้องหยิบยกมาพิจารณาแก้ไข ในกรณีนี้ เกศปรียาได้ชี้ช่องให้รัฐบาลสามารถทำคะแนนกับประชากรสตรี ได้ แต่ความไร้วิสัยทัศน์ กับการมีทัศนคติลบกับคนคิดต่าง แทนที่จะนำไปพิจารณาแก้ไข เพื่อจะได้ประโยชน์กับประชาชนสตรี แต่รัฐบาลนี้เลือกที่จะหาเรื่องปล่อยข่าวดิสเครดิตทะเลาะกับคนคิดต่างเพื่อสร้างความขัดแย้งให้ไม่มีที่สิ้นสุด โดยประเทศไม่ได้อะไร นอกจากลดทอนความสามารถของประเทศลงไปเรื่อยๆ และโกงเวลาอนาคตของคนรุ่นใหม่ไปวันๆ เท่าอายุของรัฐบาล
ในวันที่ 6 ตุลาคม 2564 (วันพรุ่งนี้) ตนจะไปร่วมฟังน้อง ณฤดี จินตวิโรจน์ จากภาคประชาสังคม ที่รณรงค์เรื่อง ยกเลิกภาษีผ้าอนามัยทุกรูปแบบ ชี้แจงกับ กรรมาธิการเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ เวลา 9.00 น. ที่รัฐสภา ทางภาคประชาสังคมได้รณรงค์เรื่อง ยกเลิกภาษีผ้าอนามัยทุกรูปแบบ เพื่อที่ผ้าอนามัยจะได้ถูกบรรจุเป็นสวัสดิการของรัฐในอนาคต โดยได้รณรงค์ต่อเนื่องตั้งแต่ตนได้เปิดประเด็นเรื่องผ้าอนามัย และได้นำรายชื่อผู้ร่วมลงชื่อในแคมเปญยกเลิกภาษีผ้าอนามัยทุกรูปแบบ กว่า 26,000 รายชื่อ ยื่นให้คณะทำงานสตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยได้นำเรื่องเข้ากรรมธิการ เด็ก สตรี ฯ
โดยแคมเปญรณรงค์ขั้นแรกของภาคประชาสังคมมีเป้าหมายเพื่อให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้าไม่มีภาษี เช่น ในประเทศอินเดีย และสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) เพื่อต่อยอดไปยังการรณรงค์ให้ผ้าอนามัยเป็นสวัสดิการของรัฐในอนาคตเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเพศ และภาระค่าใช้จ่าย กับผ้าอนามัย ที่เป็นปัจจัยที่ 5 ให้ประชากรสตรีที่เป็นส่วนใหญ่ของประเทศ “เกศปรียา” ทิ้งท้าย
You must be logged in to post a comment Login