จิราพร เผย ปมคดีในศาลรัฐธรรมนูญของนายกรัฐมนตรีไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นางสาวจิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคุณสมบัติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปมตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 14 สิงหาคม 2567 นี้
รวมถึงมีการปล่อยกระแสข่าวว่าอาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีและอาจกระทบต่อการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น
นางสาวจิราพร ระบุว่า ตนเชื่อมั่นว่าการดำเนินการที่ผ่านมาของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นไปด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยต่างก็มีความมั่นใจในส่วนนี้เช่นกัน ในขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกพาดพิงว่าถูกวางตัวให้เป็นนายกรัฐมนตรีแทนนั้น ก็ได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่าเป็นไปไม่ได้
คดีในศาลรัฐธรรมนูญของนายกรัฐมนตรีไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เนื่องจากเป็นโครงการที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไม่ว่าจะมีคดีความข้างต้นหรือไม่ก็ตาม โครงการจะยังเดินหน้าต่อไปเช่นเดิมจนสำเร็จ”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา งบประมาณดิจิทัลวอลเล็ต ในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ได้ผ่านวาระ 3 เรียบร้อยแล้ว ขณะที่งบประมาณสำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ก็ผ่านวาระแรกของสภาผู้แทนราษฎรแล้วเช่นกัน ขณะนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ หากร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายฯ ฉบับดังกล่าว ผ่านวาระ 3 เมื่อใด
คาดว่าในช่วงปลายปี 2567 ประชาชนจะสามารถใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักอีกครั้งอย่างแน่นอน
“ในส่วนของพรรคเพื่อไทยไม่มีความเคลื่อนไหวเรื่องการเตรียมการใดๆ เกี่ยวกับประเด็นการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
ขณะนี้ เรื่องเดียวที่พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกำลังมุ่งมั่นดำเนินการ คือการผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาของประชาชนให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่กำลังเปิดรับลงทะเบียนอยู่ในเวลานี้และได้รับความสนใจและการตอบรับจากประชาชนอย่างดียิ่ง” นางสาวจิราพร กล่าว
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS
