พอกันทียุคคลั่งอุดมการณ์ซ้าย-ขวา!!​ “ธันวา”​ ดึงสติคนไทย! ถ้านายกฯ​ ยังมาจากพรรคคู่ขัดแย้ง​ ชาติก็พัง

ธันวา​ แนะทางออกความขัดแย้งชาติ​ ต้องเลือกนายกฯจากพรรคอยู่ตรงกลาง​ ฝ่ายไหนขึ้นมาบริหาร​ อีกฝั่งก็มุ่งโจมตี มุ่งทำลายกันไม่สิ้นสุด

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า​ นายธันวา​ ไกรฤกษ์​ สมาชิกพรรคกล้า​ แสดงความเห็นส่วนตัวโดยระบุว่า​ หมดยุคแบ่งฝั่งแบ่งฝ่าย​ คลั่งอุดมการณ์ซ้าย-ขวาแล้วหรือยัง?

โพสต์นี้ได้แรงบันดาลใจจากคุณวิชาญ อาฮูยา กรรมการสื่อสารพรรคกล้า ที่ได้เล่าให้ผมฟังว่าถูกพาดพิงในคลับเฮาส์ จากบุคคลท่านหนึ่งที่พยายามจี้ถามว่าจะยกมือโหวตให้ฝ่ายเผด็จการหรือฝ่ายประชาธิปไตย โดยมีลักษณะการตั้งธงที่ชัดเจนแล้วว่าฝ่ายไหนดี ฝ่ายไหนชั่ว

ซึ่งคุณวิชาญเองได้ตอบไปว่าแนวทางของพรรคกล้าคือ เน้นการลงมือทำ สร้างประโยชน์เพื่อให้คนไทยกินดีอยู่ดี ไม่ไปตัดสินว่าใครดีชั่วอย่างไร สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเองผ่านการเลือกตั้ง

ผมอยากขอเสริมตรงนี้ว่า พรรคกล้าเป็นพรรคที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็น ‘ทางเลือกใหม่ของคนที่เบื่อความขัดแย้ง’ หากยังไปชี้หน้าว่าฝ่ายนั้นเผด็จการ ฝ่ายนี้ประชาธิปไตยจอมปลอม แล้วจะเป็นทางเลือกใหม่ได้อย่างไร เพราะสุดท้ายก็จะกลายเป็นคู่กรณีไปอีก

แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีความชัดเจน! โดยจุดยืนของเราคือยึดความถูกต้องของกฎหมาย จริยธรรม ประเพณีอันดีงาม การรับฟัง เคารพให้เกียรติซึ่งกันและกันในสังคม และยึดผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติเป็นที่ตั้ง

หลายท่านจึงเห็นการเสนอแนะ รวมถึงการตำหนิติเตียนการทำงานของรัฐบาล ฝ่ายค้าน รวมถึงกลุ่มผู้เห็นต่างบ่อยครั้ง ซึ่งในทุกครั้งเราไม่ได้มีเจตนามุ่งโจมตีใคร มากไปกว่าการนำเสนอสิ่งที่ถูกต้องและเป็นข้อเท็จจริง ที่หากปล่อยผ่านจะกลายเป็นเนื้อร้าย

ตลอดสิบกว่าปีมานี้ คนไทยคงรับรู้และรับเคราะห์มามากเกินพอแล้ว ถึงผลของการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย การชี้หน้าด่ากันแบบไร้เหตุผล หากมองออกมานอกวงจรของความขัดแย้งแล้วไม่เห็นใคร ก็ยังมีพวกเรา ‘พรรคกล้า’ ยืนรออยู่ตรงนั้นเสมอนะครับ

ปล.หากการเลือกตั้งครั้งหน้าได้นายกที่มาจากพรรคซึ่งเป็นคู่กรณี ประเทศก็ยังจะอยู่ในวงจรของความขัดแย้งต่อไป ฝ่ายไหนขึ้นมาบริหารอีกฝั่งก็มุ่งโจมตี มุ่งทำลายกันไม่สิ้นสุด

ดังนั้น ‘ทางออกเดียว’ คือต้องหานายกที่ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งเข้ามาบริหาร ไม่จำเป็นต้องตัวแทนของพรรคกล้า แต่เป็นพรรคไหนหรือใครก็ได้ที่ไม่เคยทะเลาะกับใคร และมีความเป็นมืออาชีพในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะทุกวันนี้ปัญหาปากท้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่ปัญหาแนวคิดทางการเมือง