“สนธิรัตน์” วอนรัฐเว้นการเก็บภาษีน้ำมัน ลดภาระค่าครองชีพประชาชน

ยุคข้าวยากหมากแพง? “สนธิรัตน์” จี้รัฐควรเห็นใจ ปชช. หยุดเพิ่มภาระค่าครองชีพ

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังจาก 1 พฤษภาคม 2565 ราคาน้ำมันดีเซลหน้าปั๊มขยับขึ้นเป็น 32 บาทต่อลิตร หมายความว่าเราต้องควักเงินออกจากกระเป๋าเพิ่มขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ราคาข้าวของก็จะสูงขึ้น เพราะต้นทุนการผลิต การขนส่ง ที่ปรับตัวตามราคาน้ำมัน ในเวลาที่ประชาชนลำบากอย่างนี้ รัฐต้องเสียสละ อย่าไปมุ่งอยู่กับเป้าของการเก็บภาษีให้ได้ตามเป้า การที่น้ำมันดีเซลราคาขึ้นก็เพราะต้นทุนน้ำมันจากราคาตลาดโลกที่คุมไม่ได้ บวกกับโครงสร้างภาษีและอื่นๆ ที่เป็นสูตรเฉพาะของเรา ขอเสนอว่าเรื่องภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล รัฐควรต่ออายุการลดออกไปอีก

การปรับโครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันคืออีกหนึ่งคำตอบ คือทางออกของเรื่องนี้ วันนี้กองทุนน้ำมันติดลบประมาณ 24,000 ล้านบาท บัญชีก๊าซ LPG ติดลบประมาณ 31,000 ล้านบาท การช่วยเหลือจากกองทุนน้ำมัน ด้วยการไปหาเงินกู้มาใส่ในกองทุน จึงเหมือนพายเรือในอ่าง เพราะการไม่ลดการเก็บภาษี แต่ไปกู้เงินมาเพื่อมาพยุงราคา จริงๆ แล้วก็คือ เงินไม่มีพอทั้งคู่ แต่ไม่ไปดูไปลดที่โครงสร้างภาษีน้ำมัน

เรื่องการอิงราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ เปลี่ยนมาเป็นการคิดอิงต้นทุนจริง วันนี้มีข่าวเรื่องค่าการกลั่นของโรงกลั่นในประเทศได้ราคาดี ถ้าลดลงมาหน่อยในช่วงที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ก็น่าจะได้ คุยกับภาคเอกชน บริษัทน้ำมัน โรงกลั่น ว่าลดต้นทุนได้ทางไหนอย่างไร การบริหารงานในภาวะวิกฤติ รัฐบาลต้องมุ่งเน้นที่ความเดือดร้อนของประชาชน จะมาบอกว่าเรื่องราคาน้ำมันจะให้ประชาชนมาช่วยแบกคนละครึ่งไม่ได้ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลอยู่ได้ แต่ประชาชนอยู่ไม่ได้แน่!!!