ธันวา วอน! รัฐบาลปรับข้อจำกัดเตียงผู้ป่วย เหตุบางรายอาการยังไม่หนัก จนต้องหนักเพราะรอเตียง และไม่มีแพทย์ตรวจ โดยขอส่งไปร.พ.จังหวัดใกล้เคียง ไม่ต้องรอให้วิกฤต!!!
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายธันวา ไกรฤกษ์ โฆษกพรรคกล้า เสนอแนะข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาโควิดไปยังรัฐบาล โดยเจ้าตัวระบุว่า ขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหา ‘ตายเพราะไม่มีเตียง’ โดยการนำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดใกล้เคียงที่ยังรองรับได้ แทนการให้รอเตียงจนเชื้อลุกลาม
กว่า 1 สัปดาห์ที่ได้ร่วมประสานหาเตียงให้แก่ผู้ป่วย ซึ่งเป็นโครงการอาสาของพรรคกล้า ทำให้ได้เห็นปัญหาสำคัญที่เป็นเหตุให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น จากการติดเชื้อโควิด ซึ่งก็คือ ‘เตียงไม่พอ’
ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดที่ติดต่อมายังพรรคในระยะแรกนั้นไม่ได้มีอาการหนัก โดยอาการที่ได้รับแจ้ง ได้แก่ ไอ อ่อนเพลีย มีผื่นขึ้น จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส และหายใจไม่ค่อยสะดวก ซึ่งส่วนมากจะขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานของรัฐก่อนแล้ว แต่ไม่ได้เตียง จึงประสานขอความช่วยเหลือมายังพรรคอีกทางหนึ่ง
สิ่งที่พรรคทำคือไล่โทรไปยัง call center ต่างๆของรัฐ รวมถึงโทรไปยังโรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชนในเขตกรุงเทพและปริมณฑล พบว่า ถ้าไม่ใช่เคสที่มีอาการวิกฤตหรือโคม่า การที่จะได้รับตัวไปยังโรงพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนามนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในช่วง 1-3 วันแรก บางรายต้องรอนาน 4-7 วัน
การที่ผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ในระยะเริ่มต้นของการติดเชื้อนั้น ส่งผลให้อาการเริ่มลุกลามลงปอด ไอหนักจนแทบหายใจไม่ได้ จากเบาจึงกลายเป็นหนัก ส่วน hospitel บางแห่งก็แทบไม่มีแพทย์เข้าไปตรวจ จึงมีค่าเท่ากันกับนอนรออยู่ที่บ้าน
บางรายไอหนักมากในช่วงตี1 พอนำส่งไปถึงโรงพยาบาลแล้วได้รับแจ้งว่าไม่มีเตียง จึงจ่ายยาแก้ไอและให้กลับบ้านตอนตี4 บางรายท้องแก่ 8 เดือนกว่า ผู้ป่วยไอจนท้องแข็ง เจ็บท้องไปหมด แต่ก็ยังไม่ได้รับการรักษาเนื่องจากต้องรอคิวเตียง และไม่ทราบว่าจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่
ทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริงบางส่วนที่ได้รับจากการประสานงาน ซึ่งไม่ได้มีเจตนาตำหนิบุคลากรทางการแพทย์หรือโรงพยาบาลใดๆทั้งสิ้น หากแต่อยากให้รัฐบาลแก้ไขและบริหารจัดการในเรื่องเตียงเป็นการเร่งด่วน
ผมไม่แน่ใจว่าในความเป็นจริงแล้วจำนวนเตียงนั้นมีเพียงพอต่อผู้ป่วยหรือไม่ แต่เนื่องจากรัฐยืนยันว่าเตียงมีเพียงพอ แล้วเหตุใดปัญหาเหล่านี้จึงยังคงเกิดขึ้นนับจนถึงปัจจุบัน หรือหากเตียงมีพอจริง แต่อยู่ในจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่เขตกรุงเทพและปริมณฑล ‘รัฐอาจนำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดใกล้เคียง’ ซึ่งยังพอสะดวกต่อการเดินทาง
ผู้ป่วยจะได้ไม่ต้องรอหลายวันจนอาการวิกฤต เชื้อลงปอด หายใจไม่ได้ และต้องเสียชีวิตลงเหมือนหลายๆกรณีที่ผ่านมา จึงควรเร่งปลดล็อคข้อจำกัดของเตียงที่มีความพร้อม รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ เช่น เครื่องช่วยหายใจ และโดยเฉพาะเตียง ICU
บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งตอนนี้ทำงานกันหนักจนแทบไม่มีวันหยุด จะได้มีเวลาพักบ้าง เพราะถ้าหากพวกเขาไม่ไหว และเชื้อยังคงลุกลามแบบนี้ อีกหน่อยอาจจะไม่เหลือแพทย์/พยาบาลที่ไหนมาช่วยเหลือประชาชน
You must be logged in to post a comment Login