Connect with us

Politics

ธนาธร สะท้อนระเบียบ-การคลังรัฐส่วนกลางกดทับจนไร้ปัญญาแก้

Published

on

“ธนาธร” ร่วมวงเสวนา “ปลดล็อกการคลังท้องถิ่น” ยกปัญหาน้ำประปาท้องถิ่น 95% ขาดคุณภาพ สะท้อนระเบียบ-การคลังรัฐส่วนกลางกดทับจนไร้ปัญญาแก้

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานมูลนิธิคณะก้าวหน้า รับเชิญเป็นวิทยากรร่วมงานสัมนา “ปลดล็อกการคลังท้องถิ่น กระจายอำนาจการพัฒนาเมือง” ที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร โดยร่วมเวทีพร้อมกับ วุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และ อเลน เบอร์ท็อด ที่ปรึกษาธนาคารโลก

โดยธนาธร ได้ยกตัวอย่างที่มูลนิธิคณะก้าวหน้าได้เข้าไปทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ระดับตำบลหลายแห่ง ในการพัฒนาระบบน้ำประปาท้องถิ่น เพื่อสะท้อนให้เห็นทั้งมุมที่เป็นความสำเร็จ และมุมที่ระเบียบ กฎหมาย และการคลังของประเทศกำลังฉุดรั้งการพัฒนาของท้องถิ่นอยู่ 

ธนาธรระบุว่าในฐานะที่ตนเป็นหนึ่งในคนที่ไปดูกระบวนการผลิตน้ำประปาในท้องถิ่นมาทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 60 แห่ง ตนสามารถพูดได้ว่าการประปาของท้องถิ่นและโรงผลิตน้ำประปาท้องถิ่น ยังมีปัญหาด้านคุณภาพอยู่กว่า 95% ทั้งที่คนไทยไม่ว่าจะเกิดที่ไหนควรจะได้ใช้น้ำประปาที่มีคุณภาพเท่ากันในราคาที่เหมาะสม แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนในประเทศนี้กลับได้ใช้บริการขั้นพื้นฐานอย่างน้ำประปาที่ไม่เท่ากัน คนที่เกิดและเติบโตในเมืองใหญ่ สามารถเข้าถึงน้ำประปาสะอาดได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน แต่คนในชนบทยังต้องดิ้นรนหาน้ำสะอาดมาใช้ เพิ่มต้นทุนในชีวิตโดยไม่จำเป็น และวิธีแก้ปัญหาของรัฐที่ผ่านมาก็คือการเอาตู้กดน้ำสีน้ำเงินมาตั้งให้ไว้ในชุมชนต่างๆ ซึ่งวันนี้มากกว่า 50% ก็พังไปหมดแล้ว

หากหนึ่งในตัวชี้วัดของความเป็นประเทศที่เจริญแล้ว ไม่ใช่แค่การมีน้ำประปาที่ใสสะอาดแต่ต้องดื่มได้ด้วย คำถามคือประเทศไทยกล้าทะเยอทะยานถึงจุดนั้นไหม และถ้าทำได้ ต้นทุนในการใช้ชีวิตของคนจะต่ำลงเท่าไหร่ต่อวัน นั่นจึงเป็นที่มาที่คณะก้าวหน้าได้เข้าไปทำงานร่วมกับ อปท. ระดับตำบลหลายแห่ง เริ่มต้นแห่งแรกที่เทศบาลตำบลอาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ที่มีการต่อยอดต่อหลังจากทำให้น้ำประปาดื่มได้แล้ว สู่การทำสมาร์ทมิเตอร์ การนำ IoT มาใช้ และล่าสุดคือการนำโซลาร์เซลล์มาใช้ลดต้นทุนการผลิต ซึ่งจนถึงปัจจุบันคณะก้าวหน้าประสบความสำเร็จในการสนับสนุนการปรับปรุงคุณภาพน้ำประปาของ อปท. ระดับตำบลไปแล้ว 3 แห่ง และคาดว่าจะทำสำเร็จได้อีก 3 แห่งภายในปีปฏิทิน 2567 นี้

ธนาธรกล่าวต่อไปว่าทั้งคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลต่างแชร์วิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ร่วมกัน ว่าการทำน้ำประปาดื่มได้ไม่ใช่แค่การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างระบบเศรษฐกิจให้กับประเทศ และยังสร้างอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้อย่างมหาศาลด้วย อย่างเช่นการปรับปรุงระบบให้เป็นสมาร์ทมิเตอร์ หากทำทั้งประเทศสามารถทำให้เกิดอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการเกิดขึันเป็นจำนวนมาก

จากการคาดการณ์ หากประเทศไทยจะทำน้ำประปาดื่มได้ทั่วประเทศ จะต้องใช้งบประมาณราว 8 หมื่นล้านบาท ตก อปท. ระดับตำบลที่ละ 10-20 ล้านบาท ซึ่งหากคิดเป็นจำนวนต่อหัวประชากรที่จะได้รับประโยชน์ในแต่ละแห่งก็ถือว่าเป็นจำนวนที่ต่ำมาก แต่ทว่าระบบกฎหมายในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยให้เกิดการพัฒนาน้ำประปาดื่มได้และอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศไทยขึ้นจริงได้ จากการที่ตนได้ไปดูหน้างานจริงหลายที่ อบต. และเทศบาลส่วนใหญ่ไม่มีปัญญาทำได้จากงบประมาณที่จำกัด ทางเลือกเดียวที่มีอยู่ก็คือเขียนไปของบประมาณจากส่วนกลาง ต่อคิว ถ้าไม่วิ่งเต้นก็ไม่ได้ จะไปหาการเงินทางอื่นก็ไม่สามารถทำได้

“เอาแค่เรื่องน้ำประปาเรื่องเดียว ถ้าไม่แก้กฎหมายให้ท้องถิ่นจัดการตัวเองได้ ไม่มีทางที่น้ำประปาในประเทศไทยจะสะอาดได้เสมอภาคกันทั่วประเทศ สิ่งที่เราทำมาน่าจะทำให้เห็นได้ว่าการทะเยอทะยานอยากเป็นอย่างประเทศโลกที่หนึ่ง ที่น้ำประปาดื่มได้นั้นเป็นไปได้ แต่จะทำอย่างนั้นได้ต้องมีการปลดล็อกกระบวนการขั้นตอนต่างๆ อีกมากมาย มีอิสระทางการเงินให้เหมาะสมกับสถานการณ์ จะทำให้สร้างระบบเศรษฐกิจ สร้างอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้จากกระบวนการนี้” ธนาธรกล่าว

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: