“สุเทพ” ห่วง “บิ๊กตู่” อภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีเสียง ส.ส.หนุน มากน้อยแคไหน บอก ต้องเอาใจช่วย ระบุ ปัญหาใหญ่ คือการเมืองภายในพรรครัฐบาล
ผู้สื่อโตโจ้นิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565 เฟสบุ๊คส่วนตัว “ Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)” ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย(มปท.)ได้เผยแพร่รายการ “คุยกับลุง” EP 20
นายสุเทพ กล่าวว่า ช่วงนี้รัฐสภา ปิดสมัยประชุมแล้ว แต่คณะกรรมาธิการฯ ก็จะต้องทำงานอยู่ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง / ว่าด้วยการเลือกตั้ง เห็นพูดกันว่า เขาจะรีบทำให้เสร็จภายให้ทันในเดือนพฤษภาคม เสร็จทันจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เสร็จทันหรือไม่ ก็จะมีผลต่อสถานการณ์ในทางการเมืองในเดือนพ.ค.มากที่เดียว ระหว่างนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็จะมีเวลามากขึ้น ไม่ต้องกังวลกับเวลาที่จะต้องไปอยู่ใช้ในสภาฯ ก็จะมีได้มีสมาธิมีกำลังที่จะทำงานแก้ปัญหาที่กำลังรุมเร้า
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่กำลังรุมเร้าประเทศไทยในเวลานี้ มีเรื่องใหญ่2 เรื่อง เรื่องแรกคือเรื่องโควิด เรื่องที่ 2 คือเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องโควิดนั้น เชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทย ข้าราชการไทย คนไทยร่วมมือกันจะฝ่าฟันวิกฤตเรื่องโควิดไปได้ เพราะรัฐบาลมีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาติดต่อกันมา 2-3 ปีแล้ว ประชาชนคนก็ร่วมมือกันดี ถ้าไปดูตัวเลขเปรียบเทียบประเทศไทย มีประชากร 66 ล้านคนเศษ วันนี้มีตัวเลขคนติดโควิดประมาณ 2 หมื่นกว่าคนต่อวันถ้าไปเปรียบเทียบกับฮ่องกง ที่มีประชาชรประมาณ 7 ล้านกว่าคนแต่มีคนติดโควิดเพิ่มขึ้นวันละ3 หมื่นกว่าคน ก็ถือว่าสถานการณ์ของประเทศไทยไม่น่าจะหนักหนาสาหัสจนกินไปตนมั่นใจว่าปัญหานี้ข้าราชการไทย ประชาชนชาวไทย ยังร่วมมือแก้ไขปัญหานี้ให้ลุล่วงไปได้
นายสุเทพ กล่าวอีกว่าแต่ปัญหาใหญ่คือเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการลงทุนของประเทศ ปัญหาเรื่องการท่องเที่ยว ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเห็นนายกฯประกาศเป็นนโยบายว่าจะให้วีซ่าระยะยาว สำหรับนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในระยะนี้ ตนยังคิดเลยไปว่ายังมีคนที่มีเงิน มีทอง ถ้ารัฐบาลให้สิ่งจูงใจ บอกว่าใครที่เอาเงินมาลงทุน ในเศรษฐกิจ BCG เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว โดยเฉพาะทางด้านเกษตร การผลิตอาหารปลอดภัย รัฐบาลให้สัญชาติไทยเลย อย่างนี้น่าจะเป็นแรงจูงใจ ให้คนเอาเงินออกมาลงทุนสร้างงานมากขึ้น ก็จะเป็นผลดีต่อผู้ใช้แรงงานในประเทศไทยต่อไปในวันข้างหน้า
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า คิดว่าสิ่งที่ เป็นเรื่องดีเป็นเรื่องที่มีคุณค่าสำหรับประเทศไทยตนยังน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลที่ ได้ทรงพระราชทานแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงไว้เป็นมรดกให้กับคนไทยถ้าเราทุกฝ่ายได้เดินตามรอยพระยุคลบาทในเรื่องนี้ เชื่อว่าจะช่วยเรื่องเศรษฐกิจของครอบครัวและประเทศชาติได้เป็นอย่างดี ได้ติดตามข่าวที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ประชุมข้าราชการที่เป็นผวจ.ต่างๆให้รีบเร่งรัดดำเนินการโครงการเศรษฐกิจพอเพียงในแต่ละจังหวัด ต้องปรบมือให้เพราะเป็นเรื่องทีดีมาถูกทางแล้ว และถ้าทุกกระทรวง ทบวง กรม ทำอย่างที่กระทรวงมหาดไทยกำลังขับเคลื่อนอยู่ ทุกฝ่ายช่วยกัน ผลักดัน การปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง น่าจะได้ผล เพราะว่าเรามีทั้งองค์ความรู้ งานวิจัย ผลการทดลองค้นคว้า งานนวัตกรรมต่างๆ เอาความรู้ เอางานวิจัย และเอางานนวัตกรรมเหล่านี้ ให้ไปถึงครอบครัวของคนไทย ดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เราน่าจะทำได้สำเร็จ เพราะเรามีปราชญ์ชาวบ้านจำนวนมากที่ได้ปฏิบัติและได้ผลจริง ถ้าเอามา บูรณาการ กันอย่างเป็นระบบ และสอดคล้องกัน คิดว่าครอบครัวของคนไทยจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างทันเหตุการณ์
นายสุเทพ กล่าวต่อว่านอกจากปัญหาเรื่องโควิดและเรื่องเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาภายในและเรายังมีปัญหาภายนอกที่มา กระทบต่อประเทศไทยจะมากจะน้อย เรายังไม่รู้ คือเรื่องการเกิดสงครามในยุโรป ระหว่างรัสเซียกับยูเครน เมื่อเกิดสงครามในยุโรป ก็ต้องกระทบต่อเศรษฐกิจของยุโรป และแน่นอน ต้องมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ไม่รู้ว่าจะมากจะน้อยแค่ไหนแต่ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องคิดจะต้องหาทางแก้ไข ตนเห็นนายกฯนัดประชุมเป็นพิเศษเพื่อตั้งรับกับปัญหานี้ คิดว่ารัฐบาลไม่ประมาท พอพูดถึงเรื่องสงคราม ระหว่างรัสเซียกับยูเครน เห็นมีผู้สันทัดกรณี จำนวนมากออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อต่างๆ มีหลายช่อง หลายที่ มีการวิเคราะห์เหตุการณ์ ต้องขอชื่นชม นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ที่ได้แสดงจุดยืนของประเทศไทย อย่างสง่างาม ไม่เอียงเข้าข้างใดข้างหนึ่ง เป็นกลาง ดีกับทุกประเทศ นายกฯ ก็แสดงออกอย่างพอดี งดงามตามวิถีทาง ทางการทูตที่เรายึดถือเป็นมรดกกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 ที่ ทำให้เรารักษาเอกราชของประเทศไว้ได้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็แสดงออกมาว่าเราเป็นประเทศเล็กต้องสำรวม เราอยากให้มีสันติภาพที่จะเป็นประโยชน์ต่อชาวโลกและชาวไทย และนี่เป็นการแสดงจุดยืนและท่าทีในเวทีการเมืองระหว่างประเทศได้อย่างสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ปัญหาใหญ่ของพล.อ.ประยุทธ์ในขณะนี้ คือเรื่องการเมือง การเมืองภายในพรรครัฐบาลเอง การเมืองระหว่างพรรค การเมืองจากนอกพรรค ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ เดือนพ.ค.นี้ จะอภิปรายไม้ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ เอากันอย่างจริงจัง จะล้มรัฐบาลให้ได้ คนก็จิตใจตุ๊มๆต่อมๆ ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะไปรอดหรือไม่รอด จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การลงมติไม่ไว้วางใจ จริงๆแล้ว ไม่ห่วงว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะมีจุดอ่อนอะไรให้โจมตีมากมาย แต่ที่เป็นห่วงคือ เรื่องจำนวนส.ส.ใครบ้างที่ยังคงยืนหยัดที่จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ อย่าง ร.อ.ธรรมนัส ก็ออกมาประกาศว่า 28 คน ที่ออกจากพรรคพลังประชารัฐไปนั้น จะไม่ยกมือสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จะยกมือสวน กล่าวได้ว่านี่เป็น ส.ส.อีกกลุ่มที่อยู่ฝ่ายที่จะจ้องล้มรัฐบาล จำนวนมือของส.ส.ที่จะยกมือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่มีการลงคะแนนเสียงไว้วางใจ หรือ ไม่ไว้วางใจ ตอนนี้ยังสับสนอยู่ บางฝ่ายคำนวณว่า จะมีส.ส. สนับสนุนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ประมาณ 260 คน ร.อ.ธรรมนัส ก็บอกว่า จริงรึเปล่า อันนี้ก็ไม่รู้ อยู่ที่ทีมงานของพล..อ.ประยุทธ์ ก็ต้องใช้วิชาเลขคณิต นับจำนวนความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของ ส.ส รายวันเลยทีเดียว
“ ผมเห็นใจพล.อ.ประยุทธ์ สถานการณ์ที่รุมเร้าอย่างนี้ ใครเป็นพล.อ.ประยุทธ์ ก็น่ากลุ้มใจ แต่ว่าต้องสู้ เป็นเรื่องที่ต้องพาประเทศ ไปให้ได้ การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในช่วงนี้ ไม่เป็นผลดี ต่อประเทศไทย อย่าง คติโบราณที่บอกว่า ไม่ควรเปลี่ยนม้ากลางศึก ก็เพราะเรามีศึกเยอะแยะที่ต้องฟันฝ่า ผมก็เอาใจช่วย เหมือนพี่น้องประชาชนคนไทยที่ต้องเอาใจช่วยพล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงปิดสมัยประชุมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องทุ่มเท เอามาตรการต่างๆโครงการต่างๆ ออกมาช่วยประชาชน ประเทศชาติ ให้เห็นประจักษ์ เพราะฉะนั้น พอถึงจังหวะที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามที่เขาประกาศ พล.อ.ประยุทธ์ก็อาจจะพลิกโอกาส ใช้โอกาสนี้ อธิบายว่า รัฐบาลได้ทำสิ่งดีๆให้กับประเทศและประชาชนไว้อย่างไรบ้าง ผมเชื่อว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ใช้โอกาสอย่างนี้ ประชาชนจะเข้าใจและเอาใจช่วยพล.อ.ประยุทธ์ เหมือนที่ผมเอาใจช่วยพล.อ.ประยุทธ์ ในขณะนี้ สู้ๆนะครับท่านนายกฯ หนักหน่อย แต่ก็ต้องสู้ และต้องสู้ให้ชนะนะครับท่านนายกฯ เอาใจช่วยครับ “นายสุเทพ กล่าว