Connect with us

Politics

ทักษิณสิ้นมนต์ขลัง ? พรรคประชาชนส่ง 17 ได้ 1 จังหวัด มีสส.ยกจังหวัดแพ้ทุกที่ !!

Published

on

ณัฐวุฒิ เผยผลเลือกนายกฯ อบจ. ตั้งคำถาม ทักษิณสิ้นมนต์ขลัง ? ชี้ไทยรักไทยถึงเพื่อไทย ไม่เคยชนะเลือกตั้งด้วยเวทมนต์

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ช่วยหาเสียง พรรคเพื่อไทยโพสต์ระบุว่า…

ผลการเลือกตั้งนายกอบจ.

ภาพใหญ่ยังชี้ให้เห็นฉากทัศน์เดิมที่ผมเคยเสนอไว้ ว่าการเมือง 3 ก๊ก 1.เพื่อไทย 2.พรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยม (ชั่วโมงนี้ภูมิใจไทยโดดเด่นกว่ารทสช.หรือปชป.) และ 3.พรรคประชาชน จะไม่มีใครได้เสียงเกินครึ่งในการเลือกตั้งปี 70 การตั้งรัฐบาลจะจับมือกันระหว่าง 2 ใน 3 ก๊กนี้ พรรคที่จะตอบยากที่สุดว่าจะจับหรือไม่จับมือกับใครอย่างเด็ดขาด คือพรรคประชาชน

รอบนี้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของคะแนนไม่มอบตัวเป็นของง่ายของใคร ทุกพรรคมีบทเรียนสำคัญให้ต้องสรุป และมีการบ้านข้อใหญ่ให้ต้องแก้ไข ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เพื่อจะเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งใหญ่

เพื่อไทยส่ง 16 ได้ 10 จังหวัด (บางสื่อว่าได้ 18 รวมคนในเครือข่ายของพรรคด้วย)ไม่คิดว่าจะแพ้ที่เชียงรายกับลำพูน ศรีสะเกษเรารู้ดีว่าไม่ง่าย แต่คิดว่าถ้าชนะก็สูสี หรือหากแพ้คะแนนน่าจะใกล้กันกว่านี้ ส่วนจังหวัดอื่นๆทั้งที่ชนะและไม่ชนะ ล้วนอยู่ในความคาดหมาย ทีมงานทุกส่วนต้องทำงานหนักกันต่อไป

พรรคประชาชนส่ง 17 ได้ 1 จังหวัด พื้นที่ซึ่งมีส.ส.ยกจังหวัดแพ้ทุกที่ น่าสนใจว่าส่วนนำจะวิเคราะห์ผลอย่างไร

พรรคอนุรักษ์นิยมไม่ได้เปิดตัวชัด แต่รู้กันในทีว่าไผเป็นไผ เสียแชมป์ก็มี ป้องกันแชมป์ได้ก็เห็น แต่ถ้าคิดว่านี่เป็นขาขึ้น มองดีๆผมว่าไม่ใช่ เชื่อว่าคนทำงานต้องอ่านสัญญาณกันละเอียดเช่นกัน

จะไม่วิเคราะห์ผลเลือกตั้งทั้ง 3 ก๊กที่ตรงนี้ เพราะของเพื่อไทยเราจะคุยกันในบ้าน ส่วนอีก 2 ก๊กผมไม่ก้าวล่วง ให้เป็นเรื่องของแต่ละฝ่าย

ทักษิณสิ้นมนต์ขลัง ?

นายกทักษิณและพรรคตั้งแต่ไทยรักไทยถึงเพื่อไทย ไม่เคยชนะเลือกตั้งด้วยเวทมนต์ แต่สำเร็จด้วยผลงานและนโยบายที่ทำได้จริง ประชาชนที่เลือกเล่าได้เป็นฉากๆว่าเลือกเพราะอะไร นโยบายไหนโดนใจ การว่างเว้นจากการเป็นรัฐบาลยาวนานร่วมทศวรรษ ทำให้จุดแข็งนี้พร่าเลือนไป

กลับมาเป็นรัฐบาลผสมภายใต้แรงกดดันทางการเมือง เผชิญกับรัฐราชการที่รัฐบาลก่อนปักหมุดไว้ สภาพเศรษฐกิจที่ดำดิ่งต่อเนื่อง การผลักดันนโยบายจึงไม่ง่าย การบุกเบิกจากรัฐบาลเศรษฐาถึงรัฐบาลแพทองธาร ทำให้เนื้องานที่วางไว้เริ่มผลิดอกออกผล แต่ยังแตกต่างถ้าเทียบกับความสำเร็จยุคไทยรักไทย และยังพูดว่าสำเร็จไม่ได้ จนกว่าจะมีรูปธรรมที่ชัดเจนกว่านี้ ซึ่ง 2568 คือปีสำคัญ ชี้ขาดโดยหลายนโยบายที่กำลังเดินหน้าอยู่

ถ้าผลงานออกชัด งานในสนามเลือกตั้งของเพื่อไทยจะลดความยากลง

บางคนถามว่าทักษิณมาเองได้แค่นี้หรือ? ผมว่าต้องถามใหม่คือ ถ้าทักษิณไม่ลงพื้นที่จะได้ขนาดนี้หรือไม่?

นายกทักษิณยังคงมีพลังทางการเมือง ส่งผลบวกอย่างยิ่งต่อฐานคะแนนของพรรคเพื่อไทย 10 จาก 16 ที่ถือว่าผ่าน ได้มากกว่าทุกพรรคด้วย

ข้อสังเกตุ

เลือกตั้งนายกอบจ.คราวนี้ปรากฏจำเลยขึ้นรายหนึ่ง กลายเป็นเป้าหมายของการโจมตี โค่นล้ม เป็นปมปัญหาใหญ่ที่ขัดขวางความเจริญของท้องถิ่นไทย “บ้านใหญ่”

ตัดเรื่องแนวทางของพรรคการเมืองออก แต่ที่ผมอยากแลกเปลี่ยนคือ การวางสถานะของบ้านใหญ่เป็นผู้ร้ายทางการเมืองไปเสียเลย มันใช่หรือไม่ 

ประเภทค้ายาเสพติด ปล้นชิง โกงหลวงลวงราษฎร์ กดขี่คนด้อยกว่า คนพวกนี้น่ารังเกียจอยู่แล้ว จะเป็นบ้านไซส์ไหนก็ใช้ไม่ได้ แต่ดูเหมือนคำว่าบ้านใหญ่ ถูกใช้เหมารวมถึงบ้านไหนก็ตามที่มีเครือข่าย บารมี หรือฐานทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในพื้นที่ ผมว่ากว้างไป และไม่แน่ใจว่าการนิยามเช่นนั้นจะถูกต้องตามข้อเท็จจริง บนพื้นฐานความเข้าใจสังคมไทยหรือไม่

คนจำนวนมากที่ถูกมองเป็นบ้านใหญ่ เป็นพวกใจใหญ่ ชีวิตล้มลุกคลุกคลานถลอกปอกเปิกมาจนตั้งตัวได้ เป็นคนกล้าให้กล้าเสียเปรียบ กว่าจะยืนเป็นเบอร์ต้นๆในแต่ละพื้นที่ ไม่รู้ต้องให้คนเสียเปรียบคนมาเท่าไหร่ ถ้ามีในกระเป๋า 2,000 จะกล้าเลี้ยงเพื่อน 20,000 อยู่กับคนไม่เคยเอาไม้บรรทัดวัด แต่เอาหัวใจวัด

คนพวกนี้หลายพื้นที่พอลงการเมืองชาวบ้านก็เลือก จะมีอะไรตอบแทนกันบ้างหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ถ้าถามชาวบ้าน เขาจะตอบว่าเลือกเพราะคบได้

ผมคิดว่าถ้าจะทำการเมืองอย่างเป็นจริง ยึดโยงกับท้องถิ่น ยึดกุมประชาชน ไม่น่าใช่การกำหนดบ้านใหญ่เป็นศัตรูแบบเหมารวม แต่ต้องเรียนรู้และเข้าใจวิถีเหล่านี้

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: