“ก้าวไกล” เสนอแก้กฎหมายแพ่ง ห้ามผู้ปกครองเฆี่ยนตี หรือด้อยค่าลูก แก้ปัญหาเด็กจากการถูกทารุณกรรม
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.ภัสริน รามวงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล และ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 ร่วมแถลงข่าวหลังพรรคก้าวไกลได้ยื่นเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต่อสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้
โดยนายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ร่างพะราชบัญญัติดังกล่าวเป็นการขอเสนอแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 1567(2) เป็นกรณีห้ามผู้ปกครองลงโทษทารุณบุตร จากเดิมบัญญัติไว้ว่า “ผู้ปกครองมีสิทธิทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนตามสมควร” ซึ่งคำว่า ตามสมควร มองว่าเป็นคำที่กว้างเกินไปและไม่มีสิทธิเด็กกำกับไว้ แม้จะสอดคล้องกับสุภาษิตรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี แต่ด้วยหลายบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป การลงโทษบางครั้งทำให้เด็กกลายเป็นเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัว ส่งผลต่อวงจรความรุนแรงในสังคมระยะยาว พรรคก้าวไกลจึงเสนอให้เพิ่มถ้อยคำเพื่อขยายคำว่าตามสมควร เป็นว่า
“แต่ต้องไม่เป็นการกระทำทารุณกรรม หรือทำร้ายร่างกาย หรือจิตใจ ไม่เป็นการเฆี่ยนตี หรือทำโทษอื่นใด อันเป็นการด้อยค่า” เพื่อป้องกันการลงโทษที่เป็นการทารุณกรรมทั้งร่างกายและจิตใจ การกดขี่อัตลักษณ์ทางเพศ ทั้งนี้เชื่อว่าการแก้ไขกฎหมายเพียงมาตราเดียวคือสิ่งที่จะปกป้องเด็กจากการถูกทารุณกรรมทุกรูปแบบได้ จึงขอให้สภาผู้แทนราษฎรสนับสนุน โดยได้ยื่นเรื่องต่อสภา แล้วเพื่อให้ทันการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยหน้า
ขณะที่ นางสาวภัสรินกล่าวว่า การแก้กฎหมายฉบับนี้ยังสอดคล้องกับหลักการในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก และข้อเสนอแนะของนานาประเทศต่อไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review หรือ UPR รอบที่ 2 พ.ศ.2559 ถึง พ.ศ.2563 ที่รัฐบาลไทยยอมรับว่าจะเร่งในการปรับแก้กฎหมายดังกล่าว แต่ก็เนิ่นช้าเกินกรอบเวลามากว่า 2 ปีแล้ว ไม่เหมือนกับกรณีการปรับแก้กฎหมายอาญา
ส่วนเรื่องปรับเกณฑ์อายุความรับผิดจาก 10 ปี เป็น 12 ปี ที่รัฐบาลได้เร่งดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการแก้กฎหมายเพียงมาตราเดียวไม่ใช่เรื่องยาก แต่สะท้อนว่ารัฐบาลจริงใจในการแก้ปัญหาหรือไม่มากกว่า และหากมีการแก้มาตรา 1567 (2) ได้จริง เราก็จะได้รับการยอมรับจากนานาประเทศในด้านสิทธิมนุษยชนมากขึ้น