ประภัตร ยัน! ทักษิณ จะเดินทางมาโดยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวจำนวน 13 ที่นั่ง ลงที่สนามบินดอนเมือง ก่อนจะเดินทางไปต่อที่ศาลฎีกา
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยถึงกรณีเดินทางไปฮ่องกงว่า ตนไปในฐานะเพื่อนเก่าที่มีความผูกพันเท่านั้น เพื่อไปเยี่ยม และให้กำลังใจ โดยไปตนไปคนเดียวในฐานะเพื่อน พูดคุยกันประมาณ 2 ชั่วโมง ไม่มีการพูดถึงดีลการเมืองใด ๆ และ ในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ ก็จะรับทราบว่า
ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่มั่นใจ ว่า จะผ่านฉลุยหรือไม่ เพราะพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นพรรคเล็ก สส.10 เสียง ดังนั้น ต้องฟังพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะตกลงอย่างไร และแนวทางต่าง ๆ ของพรรคชาติไทยพัฒนานั้น นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคฯ จะเป็นผู้เรียกหารือในพรรคฯ และตัดสินใจ
ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนาจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลต่อไปหรือไม่นั้น นายประภัตร ปฏิเสธว่า ยังไม่ทราบ และจะทราบก็ต่อเมื่อมีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว
เพราะเป็นประเพณีทางการเมือง ที่เมื่อพรรคฯ ใดได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็จะเชิญพรรคอื่น ๆ เข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งจะไม่มีใครที่ยกมือลงมติ โดยไม่ได้รับการเชื้อเชิญ เพราะการเมืองต้องมีการเจรจา
ส่วนกรณีที่ปรากฏคลิปของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ที่ระบุถึงการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น นายประภัตร ระบุว่า จะรอฟังพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ที่จะประชุมร่วมกัน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลก่อนว่า สรุปแล้วจะมีแนวทางอย่างไร และนำมาหารือต่อในที่ประชุมภายในพรรคชาติไทยพัฒนา
นายประภัตร ยกล่าวถึงความสัมพันธ์ ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคชาติไทยพัฒนาว่า ในอดีตนายทักษิณ ได้ทำงานร่วมกับนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย จนถึงรุ่นนายวราวุธ ซึ่งในแต่ละช่วงตนก็เป็นเลขาธิการพรรคฯ มาตลอด จึงถือว่ามีความสัมพันธ์แนบแน่น และในช่วงที่นายทักษิณ มีปัญหาทางการเมืองก็ได้มาพักผ่อนที่สุพรรณบุรี
นายประภัตร ยังเปิดเผยด้วยว่า ระหว่างการพูดคุยกับนายทักษิณที่ฮ่องกงนั้น นายทักษิณ ได้พูดถึงสถานการณ์ที่จะกลับมาเยี่ยมหลาน โดยจะเดินทางมาโดยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวจำนวน 13 ที่นั่ง ลงที่สนามบินดอนเมือง หลังจากนั้นก็จะเดินทางไปต่อที่ศาลฎีกา และยินดีรับโทษ
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำภาพนายประภัตรเดินทางไปฮ่องกงมาเปิดเผยต่อสาธารณะเป็นการดีลลับทางการเมืองนั้น นายประภัตร กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบ เพราะไม่ได้ดูข่าว และไม่เห็นภาพข่าวดังกล่าวด้วย ตนและนายชูวิทย์ สนิทสนมกัน เพราะนายชูวิทย์ เป็นเขยสุพรรณบุรี และได้เจอกันล่าสุดเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว มีการพูดคุยกันดีไม่มีปัญหา และไม่เคยโกรธ
เนื่องจากชีวิตตนเองไม่เคยโกรธใคร นอกจากโกรธตัวเองที่ไปไม่ทันเขา พร้อมกล่าวติดตลกที่ไปไม่ทันเขานั้นเป็นเพราะ “ไปฮ่องกงไปก่อนเขา”
#เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS
