“สมคิด” โวย “บิ๊กตู่” สภาไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ ขอให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายตอนหนึ่งว่า ไม่รู้ว่านายกฯไปอารมณ์เสียมาจากไหนแล้วมาใส่ในสภาฯ พวกเราไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราทำงานร่วมกันได้ แต่อยู่ที่รู้จักให้เกียรติกันหรือเปล่า นายกฯอารมณ์ร้าย สภาฯเป็นเวทีแสดงความคิดเห็นต้องบอกความจริงซึ่งกันและกัน ท่านเป็นรัฐบาลก็ต้องมารับฟัง และต้องใจเย็นๆ มีอะไรว่ากันในนี้ได้ พุดกันดีๆได้
นายสมคิด กล่าวต่อว่า ในส่วนของตนเองจะพูดถึงงบกระทรวงกลาโหมที่รับงบมาตั้งแต่ปี 62 เป็นจำนวนมากทั้งนั้นจนถึงปี 65 แต่ในปี 66 กลับปรับงบลดลงมา แต่ยังติดอันดับท็อปไฟลท์อยู่ งบจะลดหรือไม่ลดนั้นไม่ใช่ประเด็น แต่ขอให้ทำงบอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ใช่แค่ปรับลดให้ดูดี งบต่างๆที่เกิดขึ้นวิสัยทัศน์กระทรวงกลาโหมบอกว่าเพื่อให้มีศักยภาพทางททารที่เท่าเทียมในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ถามว่าเราจะไปรบกับใคร สงครามขนาดใหญ่ในภูมิภาคเราตนเชื่อว่าไม่น่าจะมี ถึงมีก็เป็นสงครามตัวแทนเท่านั้น เรีกยว่าทหารพยายามจะไปทำทุกเรื่อง
แม้กระทั่งงบประมาณในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) ที่ทุ่มเงินให้กองทัพเรือ โดยอ้างถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 13 อ้างว่ากองทัพเรือจะไปทำพื้นที่เมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ถามว่าเป็นภารกิจของกระทรวงกลาโหมหรือไม่ เป็นการจัดงบแบบไม่ถูกที่ถูกทาง ทำไมทหารจึงไม่เป็นหน่วยสสนับสนุน จะเป็นพระเอกทุกเรื่องหรืออย่างไร ส่วนบอกว่าเพื่อป้องกันภัยคุกคามนั้น เกิดจากภัยที่สร้างเองและคิดเอาเองหรือไม่ แผนงบของกระทรวงกลาโหมพยายามเขียนให้ดูดี แต่ตนไม่เห็นด้วยแม้ว่าจะมีการปรับลด เพราะทุกวันนี้ไม่มีภัยคุกคาม มีแต่คุกคามกันเอง
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ถามว่าเหล่าทัพซื้ออาวุธไปรบกับใคร ตนเชื่อทหารฝีมือดีๆเป็นคนรุ่นใหม่ ต้องการทำกองทัพให้สะอาดสดใสและให้ประชาชนยอมรับ งบโครงการเสริมสร้างยุทโธปกรณ์เป็นเรื่องของเงินภาษีประชาชนทั้งนั้น กองทัพบกจัดหาอุปกรณ์เพื่อการต่อสู้ทั้งนั้น กองทัพเรือก็จัดหาการเสริมสร้างยุทโธปกรณ์เรียงลำดับความสำคัญไม่เป็น ส่วนกองทัพอากาศก็มีวงเงินที่สร้างโครงการเก่าโครงการใหม่มากมายเกินไปหรือไม่ เราหลงยุคหรือไม่ ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทยก็เอากับเขาด้วย รวมทั้งโครงการเสริมสร้างกองกำลังต่างๆ วันนี้เรามีทหารเกณฑ์จำนวน 1.2 แสนคน โดยใช้เงินภาษีของประชาชนทั้งนั้น แถมยังมีเงินราชการลับอีก ตนอยากเตือนและติงคนที่จัดทำงบว่าควรเห็นแก่ประชาชนบ้าง สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยน เป็นยุคใหม่แล้ว ถามว่างบไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ไม่จัดลำดับความสำคัญช่วงที่ประชาชนกำลังลำบากนั้นเราหยุดก่อนได้หรือไม่
นายสมคิด กล่าวว่า ส่วนเรื่องยาเสพติดถ้าหน่วยความมั่นคงเอาจริงเอาจัง ตนเชื่อว่าตามชายแดน มดตัวเดียวยังเข้ามาไม่ได้ การแก้ไขปัญหาภาคใต้ก็ขี้คุยขี้โม้มาก ส่วนเรื่องงบโครงการรับจำนำข้าวก็พูดไม่จริง วันนี้นายกฯบอกว่าต้องไปใช้หนี้ 9 แสนกว่าล้านบาท ท่านจำตัวเลขผิดหรือไม่ หรือตั้งใจพูด โครงการจำนำข้าวเงินในกรอบวงเงินเขามี 5 แสนล้านบาท ท่านอาจจะบวกตัวเลขโครงการเกษตรทั้งหมดที่มีมาตั้งแต่สมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ตรงนั้น 5 แสนล้านบาท ถ้าบวกรวมกันก็ล้านล้านบาท แต่ก็มีเงินที่เข้ามาอยู่ ท่านก็บอกว่าเป็นหนี้ตั้ง 7-8 แสนล้านบาท ซึ่งไม่จริง เพราะหนังสือของกระทรวงการคลังลงวันที่ 6 ก.ค. 59 เสนอโดยนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ อดีตรมว.คลัง เสนอในคณะกรรมการนโยบายข้าวขอขยายเมื่อปี 59 กรอบวงเงิน 5 แสนล้านบาท กู้ธกส.อีก 9 หมื่นล้านบาท ถามว่าตัวเลข 9 แสนล้านบาทมาจากไหน บอกว่าใช้หนี้ไปแล้ว 7 แสนล้านบาทนั้นไม่จริง แฉกันมั้ย ว่ากันไปเลย อย่ามาพูดตีกิน ถามว่าลืมคิดหนี้ตัวเองรึเปล่า ถ้าบอกว่าจ่าย 9 แสนล้านบาท ท่านโกหกกลางสภาฯ ตอนยึดอำนาจปี 57 ข้าวยังเหลือในโกดัง 18 ล้านตัน แต่ปิดโรงสีไม่ให้เขาขายข้าว ส่งทหารไปเฝ้า เอาคนที่ไม่รู้เรื่องไปตรวจ ทำให้ราคาจาก 26 บาทต่อกิโลกรัม ผ่านมา 2 ปีเหลือเพียง 6 บาทต่อกิโลกรัม แถมยังมีการไปฟ้องร้องอีก ท่านไปปิด ไปยึดอำนาจ ข้าวมันก็เน่าหมด ทั้งนี้ข้าว 18 ล้านตัน ถ้าเฉลี่ยขาย 20 บาท ตันละ 2 หมื่นจะเป็นเงิน 3.6 แสนบาท จ่ายหนี้ได้ ดังนั้นขอฝากไปยังนายกฯ บางเรื่องอาจจะพูดเอาสนุกได้แต่เรื่องนี้ไม่ได้ ส่วนเรื่องคดีไม่เถียงว่ากันไป
