กรมควบคุมโรค แจ้งเตือนประชาชน หลังพบการแพร่ระบาดของ ไวรัสโนโร ในเด็ก
แนะ กินร้อน-ช้อนกลาง-ล้างมือ-ดื่มน้ำสะอาด ป้องกันติดเชื้อ ไวรัสโนโร หลังจากเกิดเหตุ
เด็กนักเรียน 315 คน ที่ชัยภูมิ ถูกหามส่งโรงพยาบาลด้วยอาการท้องเสียรุนแรง
พบแพร่ขยายไปพื้นที่ใกล้เคียง โดย ไวรัสโนโร มักจะปนเปื้อนในน้ำ-อาหาร
และสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา มีเด็กนักเรียน 315 คน จาก 4 โรงเรียน
ในเขตพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ถูกหามส่งโรงพยาบาลด้วยอาการท้องเสียขั้นรุนแรง
ภายหลังตรวจพบว่า อาการดังกล่าวมีสาเหตุมาจากเชื้อ ไวรัสโนโร ซึ่งไวรัสชนิดนี้
จะทำให้เด็กมีอาการท้องเสียขั้นรุนแรง และแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว
ต่อมาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค
กล่าวถึงกรณีที่มี รายงานข่าวในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ พบนักเรียนชั้นอนุบาล ประถม และมัธยม
รวม 4 แห่ง กว่า 315 คน ป่วยจาก โรคติดต่อจากอาหารและนํ้า เป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่
และได้ขยายการระบาดไปยังพื้นที่อำเภอใกล้เคียง ว่า
ได้มอบหมายให้หน่วยงานในพื้นที่ออกสอบสวนโรค และได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการ
ผลพบเชื้อก่อ โรค คือ “ไวรัสโนโร” (Norovirus) เชื้อดังกล่าว ก่อให้เกิดการอักเสบ
ที่ระบบทางเดินอาหาร เป็นไวรัสที่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว แม้จะได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย
มักติดต่อจากการปนเปื้อนในอาหาร น้ำดื่ม และนํ้าแข็ง เช่น อาหารที่ปรุงไม่สุก อาหารทะเล
หรือ วัตถุดิบที่นำมาใช้ไม่สะอาด นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อจากการสัมผัส กับผู้ป่วยโดยตรง
หรือหยิบจับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อแล้วนําเข้าปาก เชื้อยังสามารถแพร่กระจายผ่านการหายใจ
จึงมัก พบการระบาดของไวรัสชนิดนี้ได้บ่อยตามโรงเรียน และสถานรับเลี้ยงเด็ก
จากรายงานของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบข้อมูลจากการเฝ้าระวังเชื้อไวรัส
ก่อโรคอุจจาระร่วง เฉียบพลันที่ดำเนินการร่วมกับโรงพยาบาลเครือข่าย
โดยเฝ้าระวังในผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันไม่จํากัดอายุ เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัส
ก่อโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันที่พบได้บ่อย ได้แก่ Rotavirus Norovirus Astrovirus Sapovirus
และ Adenovirus ซึ่งจากผลการเฝ้าระวังตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2566
มีจํานวนตัวอย่าง ผู้ป่วยอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ส่งตรวจ 81 ตัวอย่าง ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ตรวจพบเชื้อไวรัสก่อโรคอุจจาระ ร่วงเฉียบพลัน 53 ตัวอย่าง (ร้อยละ 65.43) เชื้อที่พบมากที่สุด
ได้แก่ Norovirus GII (31.67) รองลงมา คือ Rotavirus (30) Astrovirus (21.67) Sapovirus (11.67) Adenovirus (3.33) และ Norovirus GI (1.67) ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจตรวจพบเชื้อได้มากกว่า 1 ชนิด
ด้าน นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า เชื้อโนโรไวรัส มีระยะ ฟักตัว 12-48 ชั่วโมงหลังรับเชื้อ อาการที่พบจะคล้ายกับโรคอาหารเป็นพิษ คือ อาเจียนรุนแรง ปวดมวนท้อง ท้องเสีย มีไข้ต่ำ ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อชนิดนี้ส่วนใหญ่อาจเกิดภาวะขาดน้ำได้ สําหรับผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงสามารถ พักรักษาตัวที่บ้าน และควรดื่มมเกลือแร่เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำในร่างกาย ส่วนผู้ป่วย อาการรุนแรงให้รีบเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที
สําหรับคำแนะนำการเกิดโรคติดต่อจากอาหารและน้ำ ในช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
อาจทําให้ อาหารเน่าเสียได้ง่าย มักพบอาการท้องเสีย ท้องร่วง อาหารเป็นพิษได้บ่อย
และใกล้เข้าสู่ฤดูร้อนเชื้อโรคเหล่านี้ มักเจริญเติบโตได้ดี จึงขอให้ประชาชนป้องกันตนเอง
ด้วยหลักการ “กินร้อน- อนกลาง-ล้างมือ-ตีมน้าสะอาด” ดังนี้
1) ล้างมือก่อน-หลังรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
2) ล้างวัตถุดิบที่ใช้ให้สะอาดก่อนนำมาประกอบอาหาร
3) รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่ควรรับประทานอาหารที่สุกๆ ดิบๆ และควรอุ่นร้อนก่อน รับประทาน
4) ใช้ช้อนกลางตักอาหารเมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
5) ดื่มน้ำสะอาด น้ำต้มสุก หรือน้ำที่มี บรรจุภัณฑ์ปิดฝามิดชิด
6) น้ำแข็งสำหรับรับประทาน ต้องเลือกซื้อจากแหล่งผลิตที่ถูกสุขลักษณะได้มาตรฐาน GMP
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ขอบคุณภาพประกอบจาก
@ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และ
– https://www.dailynews.co.th/news/2026885/