เพจดัง ร่ายปัญหายาว ระบบการศึกษาไทย ปมอาหารกลางวันนักเรียน หลังมีครูดอยถูก ป.ป.ช.ฟันผิดระเบียบราชการ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า เพจวันนั้นเมื่อฉันสอน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
ติดตามกรณีครูโรงเรียนขยายโอกาสทำอาหารเลี้ยงนักเรียนถึงชั้น ม.3แล้วถูกชี้มูลความผิด
เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งคือ “ครูอาหารกลางวัน” เมื่อไหร่เราจะตั้งคำถามเสียทีว่า ทำไมครูต้องมาทำอาหาร ? ไปดูการศึกษาฟินแลนด์ญี่ปุ่นนี่เขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ไหม และถ้าคิดว่ามันมีผลประโยชน์มากหาหน่วยงานมารับเอาไปหน่อย เอาไปบริหารให้งอกเงยให้ครูเขาได้สอน
เคยมีผู้บริหารโรงเรียนท่านหนึ่งพูดอย่างออกหน้าออกตาในกลุ่มโรงเรียนแห่งหนึ่งว่า “เราบริหารจัดการอาหารกลางวันได้ดีกว่าโรงเรียนอื่น”
แต่เมื่อย้อนลงไปดูแล้วพบว่า ครูจะต้องจัดเวรกันออกไปซื้ออาหารกลางวัน ค่าน้ำมันไม่ได้ ครูต้องมาประกอบหั่นจัดเตรียมด้วยตัวเอง ไม่ได้จ้างแม่ครัว
ใช้รถส่วนตัว น้ำมันส่วนตัว ใช้ตู้เย็นตัวเองที่ต้องแช่กับข้าวให้ลูกเมียมาแช่วัตถุดิบทำอาหารให้นักเรียน เดินหิ้วผักกับหมูเป็นสิบกิโลในตลาดจนถุงรัดข้อนิ้ว เดินรอบเดียวไม่พอ 3 – 4 รอบ แบกได้ก็แบกส่วนใครเป็นผู้หญิงก็ต้องเอาแฟนมาทำ ออกรถกระบะมาใช้ในงานโรงเรียน คิดแต่ละวันว่าจะทำอะไรให้นักเรียนกิน เวลาพักผ่อนเวลาส่วนตัวหมดไปกับงานโรงเรียน
วิธีการแบบนี้ไม่เรียกว่าบริหารจัดการได้ดีแค่เป็นการผลักภาระให้ผู้ปฎิบัติค่าแรงไม่ให้ ค่าน้ำมันไม่มี หากินแต่กับความเสียสละ มันไม่เรียกว่าลดต้นทุนแต่แค่ให้คนอื่นมาออกทุนให้ ซึ่งนั่นคือ “ครู”
ปัญหาอาหารกลางวันเป็นปัญหาที่เรื้อรังมายาวนานในวงการศึกษาแต่ถามว่า “ใครมาแก้ไขมันบ้าง” ปฏิรูปการศึกษากี่รอบไม่เคยพูดถึงครูที่โกงก็มี ผอ.ที่โกงก็มี แต่คนที่ทำดีก็มาก เวลามีปัญหาถูกเหมารวมแล้วสังคมเคยถามไหมว่า “เขาเหล่านั้นได้อะไรจากสิ่งที่ทำ”
จากกรณีในข่าวก็อยากรู้เหมือนกันว่า “หากครูเขาไม่ได้นำมาใช้จ่ายส่วนตน”ทำเพื่อเด็กจริง ๆ จะต้องออกจากราชการไหม
หัวอกคนเป็นครูโรงเรียนขยายโอกาส คำว่าขยายโอกาส คือเด็กที่ไม่มีโอกาสมาเรียนเพราะถ้ามีเงินเขาไปเรียนโรงเรียนใหญ่ ๆ แล้ว
ครูโรงเรียนขยายโอกาสมีโอกาสสอนเด็กตั้งแต่ป.1 ถึง ม.3 เห็นกันมาตั้งแต่แบเบาะจนถึงวันที่เป็นวัยรุ่น วันที่เด็กขึ้นม.1 ความยากจนไม่ได้หายไปแต่สิทธิที่จะได้รับอาหารกลางวันมันหมดไปแล้ว มันมีหรอคนที่ไม่มีจะกินอยู่ดีดีอายุ 13 ปีฐานะดีขึ้นมาทันที ถ้าน้องกินเหลือกินไม่หมดพี่มากินต่อผมก็ว่าทำได้
ประเทศไทยระบบสนับสนุนไม่มีมีแต่ระบบ “ประเมินตรวจสอบ” คนทำดีก็เสมอตัวทำชั่วก็ประจาน เรื่องนี้เป็นเรื่องของมนุษยธรรม กับ ความถูกต้อง
คุณเป็นคอมพิวเตอร์หรือเปล่าที่สามารถตัดสินได้แค่ 0 กับ 1 ถูกหรือผิด ถ้าคุณเป็นหมอที่เจอคนประสบอุบัติเหตุใกล้ตายมาไม่มีบัตรประจำตัว ไม่มีสิทธิการรักษาใดใดคุณจะปล่อยให้เขาตายอย่างนั้นหรือ ถ้ากฎหมายมันมีไว้เพื่อเปลี่ยนสภาพคนให้ใกล้เคียงกับเครื่องจักร มนุษย์ก็ไม่จำเป็นต้องมีจิตใจ แต่การที่เรายังรับรู้ได้ว่าโลกนี้มีตรงกลางระหว่างขาวหรือดำ นั่นแหละมนุษย์
รอฟังข่าวเรื่องอาหารกลางวันนี้ ว่าจะตัดสินออกมาอย่างไรถ้าจะใช้อำนาจเต็มลงทัณฑ์ครูอย่างเต็มที่ก็ดีเหมือนกันเพราะถ้าต้องไล่ออก คุณจะไม่ได้ไล่ออกแค่คนเดียวหรอกมีครูอีกมากมายที่เขาทนดูนักเรียนของเขาอดกินไม่ได้
เคยได้ยิน “โครงการพาน้องกลับมาเรียน” ไหมนั่นแหละคือการรักษาเด็กคนหนึ่งไว้ไม่ให้ออกจากระบบการศึกษา มันดีกว่าไปตามเขาให้กลับมาการป้องกันอย่างไรก็ดีกว่าแก้ไข ลงทุนป้องกันไฟไหม้แพงแค่ไหนก็ดีกว่าการดับไฟ
การที่เด็กยากจนคนหนึ่งยังคงมาโรงเรียนก็เพราะอาหารกลางวันอาจเป็นเพียงมื้อเดียวที่เขาได้รับมันในแต่ละวัน ถ้าอยากให้เด็กออกจากระบบการศึกษาเพิ่มขึ้นก็เห็นสมควรว่า “ฟันวินัย” ครูคนนั้นให้เต็มที่จะได้เลิกมีครูทำอะไรเพื่อเด็กเหมือนคำกล่าวที่ผมพูดประชดประชันในเพจนี้เสมอว่า
“คุณจะไปคิดอะไรมาก ทำงานรับเงินเดือนไปก็พอ จะไปสนใจทำไมว่าเด็กจะเป็นอย่างไรมันไม่ใช่ลูกหลานของคุณซะหน่อย”
โดยกรณีที่เพจดังกล่าว ออกมาแสดงความคิดเห็นนั้น เป็นเรื่องราวของครูดอยท่านหนึ่งที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ความผิดอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เนื่องจากเจียดงบประมาณอาหารกลางวันของเด็กอนุบาลและชั้นประถมไปเลี้ยงเด็ก ม.ต้นฐานะยากจน
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS