หมอศุภศิษฏ์ เผยนาทีเกิดแผ่นดินไหว เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานประสานกัน ช่วยคนไข้ที่กำลังผ่าตัด ออกมาได้อย่างปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายแพทย์ศุภศิษฏ์ จิรวัฒโนทัย แพทย์เฉพาะทางผู้ได้รับวุฒิบัตรสาขาศัลยศาสตร์ตกแต่ง ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้าในประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
ระหว่างล้างมือจะเข้าผ่าตัด ตึกโยกจนรู้สึกได้ ระหว่างคิดว่าจะเอาไงดีหว่าก็มีเสียงครืนแว่วลงมาจากเพดาน กำลังจะหันไปถามในห้องว่าแผ่นดินไหวหรือเปล่า ภาพที่เห็นคือผนังตึกมันแตกเป็นแนววิ่งขึ้นไปตามกำแพงและมีปูนกระเด็นออกมาคาตา
วินาทีนั้น รีบส่งเสียงบอกในห้อง ที่คนไข้กำลังผ่าตัดดมยาสลบอยู่ว่า ปิดแผลเดี๋ยวนี้ ปลุกคนไข้ด่วนที่สุด เตรียมพร้อมย้ายเลย!! น้องจี้ผู้รับบท surgeon ก่อนหน้าบอกว่าขอใส่เดรนก่อน เราเลยตอบไปว่าไม่ต้องใส่เดรนแล้ว ปิดเลยๆ เดี๋ยวนี้
น้องพยาบาลดมยาและเจ้าหน้าที่ OR (โดยเฉพาะพี่โมทย์ ที่วิ่ง แบก ย้ายคนไข้ ถังออกซิเจนอุตลุต) ทุกคนช่วยเหลือคนไข้สุดความสามารถถึงจะกลัวแทบตายแต่ไม่มีใครทิ้งคนไข้เลย กราบขอบพระคุณจากใจจริง อาจารย์ดมยาท่านเดินมาถามว่าเอาไง เลยรีบพาไปดูรอยร้าวด้วยกัน เท่านั้นแหละรู้เรื่อง…
หลังจากปรึกษาว่าจะพาคนไข้ลงจากชั้น 5 อย่างไรดี อุ้มลงคงไม่ไหวต้องใช้ 5-6 คน เพราะอุปกรณ์เยอะมาก
คนที่ไม่เกี่ยวเราก็ให้เขาออกไปก่อนหมดแล้ว
ได้ยินเสียงจนท.แจ้งว่าลิฟต์อีกตึกนึงที่เตี้ยกว่าลงได้ แต่มันต้องเข็นผ่านทางเชื่อมที่กำลังพังไป ภาวนาว่าเอาก็เอา ไม่งั้นก็ติดตรงนี้ ทุกคนก็ช่วยกันกึ่งๆ วิ่งผ่านไปเลย รอด ไม่พัง เดชะบุญ..
คนไข้ยังไม่ตื่นดีใส่ท่อช่วยหายใจพร้อมถังออกซิเจนได้รับการย้ายลงมาพื้นดินอย่างปลอดภัยแม้จะยังผ่าตัดไม่เสร็จดี รวมสิริเวลาน่าจะ 30 กว่านาที ต้องลงลิฟต์ตอนที่ตึกร้าวๆ น่ากลัวที่สุด ภาวนาให้ได้กลับไปหาลูก ไม่กล้าโทรศัพท์หรือถ่ายรูปใดๆ เพราะรีบและกลัวแบตหมด สุดท้ายได้มาถอดท่อหายใจที่ศาลพระภูมิหน้ารพ.พร้อม mobile suction ที่เสกมาจากไหนก็ไม่รู้…ขอบคุณจนท.ฉุกเฉินมากครับ
ตรงทางเชื่อมที่วิ่งผ่านมา มองจากข้างล่างคือปูนหลุดร่วงออกมาเป็นก้อน มือไม้สั่นไปหมด
คนไข้เริ่มรู้สึกตัวเลยนึกขึ้นได้ว่าต้องแจ้งญาติเขาเลยเอาเบอร์ตัวเองส่ง sms ไปสั้นๆ ว่าคนไข้ออกจากตึกแล้วอยู่ในความดูแลของแพทย์ กำลังรอส่งตัวต่อ
น้องจี้ได้ประสานงานส่งตัวและรถ ambulance มารับคนไข้ (ขอบคุณมาก) พอได้รถก็พบคุณลุงสามีของคนไข้ขึ้นมานั่งบนรถไปด้วยกันกับคนไข้พอดีเลย แกมาทันเพราะได้ sms… เราเลยบอกว่าผมเป็นคนส่ง sms ให้เอง แต่ผมไม่ได้ไปส่งนะครับ ให้หมอท่านอื่นติดรถไปแทน (เป็นห่วงลูกต้องรีบกลับแล้ว) ดีใจที่ไม่ลืมแจ้งญาติ ไม่งั้นคุณลุงคุณป้าคงจะหากันไม่เจอเป็นแน่แท้
สุดท้ายก่อนจะได้ส่งคนไข้ไปรพ.อื่น รีบถ่ายภาพตัวเองส่งให้ภรรยา เผื่อว่าเป็นอะไรไปจะได้รู้ว่าอยู่ไหนนะ…
เสร็จแล้วก็เดินกลับบ้าน จากรพ.เลิดสิน ถึงกล้วยน้ำไท…. ด้วยรองเท้า OR เท้าพองเลย
29.03.25
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS