Connect with us

News

“อนุทิน” นั่งหัวโต๊ะตั้ง กองบัญชาการฯ ปภ.ชาติ !!

Published

on

อนุทิน เปิดกองบัญชาการฯ ปภ.ชาติ ติดตามการแก้ไขปัญหาไฟป่า PM2.5 ย้ำผู้ว่าฯ แก้ไขปัญหาอย่างเข้มข้นและจริงจัง เราจะปล่อยให้ประเทศไทยเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติตลอดปีแบบนี้ไม่ได้

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ นายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด้านการพยากรณ์ และด้านบริหารจัดการน้ำ ผู้แทนกองทัพภาคที่ 3 ผู้แทนมณฑลทหารบกที่ 33 ผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ทุกเขต ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ทุกจังหวัด เข้าร่วมประชุม และประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีความรุนแรงและความถี่มากขึ้น โดยได้สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเพื่อลดผลกระทบและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน รวมถึงเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ แต่สถานการณ์ภัยในปัจจุบันหลายพื้นที่ของประเทศ กำลังเผชิญกับปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินค่ามาตรฐาน โดยปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของประชาชน รวมถึงยังผลกระทบโดยอ้อมทางด้านการท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นบริเวณกว้าง กระทรวงมหาดไทยจึงได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เตรียมการป้องกันกรณีที่มีการลักลอบเผา และเกิดไฟไหม้ลุกลามในวงกว้าง ที่เป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดฝุ่น PM2.5 รวมถึงกำกับและควบคุมโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่ก่อให้เกิดมลพิษจากการก่อสร้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชนเมือง

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ในห้วงที่ผ่านมาหน่วยงานทุกภาคส่วน รวมถึงกระทรวงมหาดไทยได้มีการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 กันอย่างเข้มข้น และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นห้วงที่สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงขึ้นและเกินค่ามาตรฐาน เนื่องด้วยสภาพอากาศแห้งแล้ง มีการถ่ายเทน้อย และยังเป็นช่วงที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรเสร็จและมักเผาวัชพืชหรือตอซังเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับเพาะปลูกครั้งต่อไป ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 เกิดประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อประชาชนให้มีน้อยที่สุด จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด สั่งการหน่วยงานดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นในทุกมิติ

ตั้งแต่การลดปริมาณฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิด ทั้งการเผาในที่โล่ง ภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม และการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ รวมถึงให้พิจารณาออกประกาศกำหนดการควบคุมการเผาล่วงหน้า และบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายในการห้ามเผาอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาด พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และยกระดับมาตรการป้องปรามเพื่อควบคุมการเผาในพื้นที่อย่างจริงจัง โดยใช้กลไกท้องถิ่นและท้องที่ลงพื้นที่รวบรวมข้อมูลและจัดทำบัญชีผู้มีพฤติกรรมการเผา ทั้งพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ป่า พื้นที่เขตชุมชนเมือง และร่วมกับ ประชาชน สอดส่อง ป้องปราม ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายห้ามเผาอย่างเด็ดขาด ตลอดจนยกระดับมาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ เด็ก และผู้ทำงานกลางแจ้ง

โดยให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนในการป้องกันตนเองอย่างถูกต้อง จัดหาอุปกรณ์ป้องกันฝุ่น และจัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) ไว้บริการประชาชน หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงต่อเนื่องให้พิจารณาประกาศใช้มาตรการ Work From Home อีกทั้งระดมสรรพกำลังจากหน่วยทหาร ตำรวจ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิ องค์กรการกุศล และภาคประชาชน รวมถึงเครื่องจักรกลสาธารณภัย และทรัพยากรอื่น ๆ ให้พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติการแก้ไขปัญหา หากมีความจำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนทรัพยากรในพื้นที่ ให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว เพื่อลดความเสียหายและลดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด กรณีที่สถานการณ์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหรือเกินค่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้ระบบบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนยกระดับการปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการปฏิบัติงานจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย สำหรับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่เข้าร่วมปฏิบัติการดับไฟป่า โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงอันตราย ขอให้ผู้บังคับบัญชากำชับดูแลการปฏิบัติงาน สวัสดิภาพและสวัสดิการ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ

“เราจะปล่อยให้ประเทศไทยเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติตลอดปีแบบนี้ไม่ได้ จะทำให้ประเทศไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ส่งผลให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ เราจำเป็นต้องมีการป้องกันและรับมือกับภัยพิบัติต่าง ๆ อยู่เสมอ ซึ่งหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย คือ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องระดมสมองระดมความคิดจากหน่วยงานทุกภาคส่วน ร่วมกันถอดวงเล็บเพื่อการแก้ไขปัญหาทีละเล็กทีละน้อย เพราะอย่างน้อยปัญหาในวงเล็บเล็กๆ ก็จะได้รับการแก้ไขในระดับหนึ่ง ทำให้ลดปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นลงไปได้บ้าง และหากรวมอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินของผู้ว่าราชการที่มีอยู่แล้ว ก็จะทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องดำเนินการอย่างจริงจังที่จะแก้ไขปัญหาการห้ามเผา พร้อมใช้ดุลพินิจและอำนาจในการบริหารจัดการอย่างเข้มข้น รวมถึงขอความร่วมมือตำรวจและฝ่ายปกครอง บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและทำความเข้าใจกับประชาชนว่าภาครัฐเอาจริงเอาจังกับเรื่องห้ามเผา ตลอดจนขอให้มีการจัดตั้งวอร์รูมจังหวัด

โดยมีเจ้าหน้าที่ทุกระดับเข้ามาร่วมทำงานรายงานข้อมูล ผลการดำเนินงานและปัญหาต่าง ๆ จะช่วยให้ได้แก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งถือว่าเป็นการปฎิบัติภารกิจ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง” นายอนุทิน รองนายกรัฐนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเน้นย้ำ

นายอนุทิน ยังกล่าวต่อว่า “สิ่งสำคัญ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสื่อสารประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบสถานการณ์และการดำเนินงานของภาครัฐผ่านสื่อทุกช่องทางอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความจำเป็น  ในการควบคุมการเผา การบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการร่วมแก้ไขปัญหาในพื้นที่และเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้น และจากการหารือกับนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ประกอบกับสถานการณ์ฝุ่นมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ตนจึงสั่งให้มีการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 29 มกราคมนี้ ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และได้เชิญนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะมีการเปิดศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันอย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน”

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: