สธ.เร่งป้องกัน – ควบคุม “โรคซิฟิลิส – หนองใน” หลังพบผู้ป่วยสูงขึ้น และเฝ้าระวัง 5 โรค ที่มีแนวโน้มระบาดได้ในปี 2567
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2566 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ 2 เรื่อง โดยเรื่องแรก คือ “นโยบาย มาตรการ และแนวทางปฏิบัติด้านการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” ปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เนื่องจากอัตราป่วยโรคซิฟิลิสเพิ่มจาก 11 ต่อประชากรแสนคน ในปี 2561 เป็น 18.6 ต่อประชากรแสนคน ในปี 2565 โรคซิฟิลิสและโรคหนองในเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มเยาวชน ขณะที่อัตราป่วยโรคซิฟิลิสแต่กำเนิดเพิ่มจาก 25.1 เป็น 98.2 ต่อเด็กเกิดมีชีพแสนคน เป้าหมายสำคัญคือ ลดอัตราป่วยโรคซิฟิลิส โรคหนองใน และโรคซิฟิลิสแต่กำเนิด
เรื่องที่ 2 คกก. เห็นชอบร่างอนุบัญญัติที่ออกตามความใน พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 รวม 2 ฉบับ คือ ร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการแจ้งกำหนดวัน เวลา และสถานที่ที่พาหนะจะเข้ามาถึงด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
รวมถึงรับทราบสถานการณ์โรคติดต่อและการพยากรณ์โรคติดต่อที่มีแนวโน้มเกิดการระบาดได้ในปี 2567 ดังนี้
1.โรคติดต่อทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคโควิด-19 และโรคไข้หวัดใหญ่
2.โรคติดต่อนำโดยแมลง ได้แก่ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคชิคุนกุนยา
ส่วนสถานการณ์โรคไอกรนที่เพิ่มขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พบผู้ป่วยยืนยันรวม 229 ราย จะเร่งรัดการฉีดวัคซีนไอกรนในเด็กอายุ 6 สัปดาห์ – ต่ำกว่า 7 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบถ้วน และในหญิงตั้งครรภ์ เพื่อถ่ายทอดภูมิคุ้มกันไปยังทารกในครรภ์ ให้ทารกมีภูมิคุ้มกันต่อโรคไอกรนก่อนถึงระยะเวลาที่สามารถรับวัคซีนได้
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS