พล.อ.ณัฐพล เผย กำหนดกรอบ AOT ทำงาน 3 เดือน บรรลุ 3 เรื่อง ลุยพิสูจน์ปราสาทตาควายดงทุ่นระเบิด
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า เมื่อเวลา 11.50 น. พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ว่าหากนับเวลา ตั้งแต่มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC 23 ตุลาคมที่ผ่านมา และในวันที่ 26 ตุลาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ลงนามปฏิญญาเพื่อนำไปสู่สันติภาพ ช่วงค่ำของวันที่ 26 ตุลาคม ก็มีการเริ่มถอนอาวุธ
ซึ่งอาวุธของทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ที่ถอนออกมาไม่เหมือนกัน ซึ่งขณะนี้กองทัพภาคที่ 2 อยู่ระหว่างการพูดคุยในรายละเอียดกับกัมพูชา จึงขอให้ประชาชนมั่นใจ ว่ากระทรวงกลาโหมยึดมั่นในอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ จะไม่ยอมให้ไทยเสียศักดิ์ศรีอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่าไทยก็มีการถอนอาวุธในช่วงค่ำวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมาใช่หรือไม่เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ พลเอกณัฐพลยอมรับว่า ใช่
ส่วน BM 21 ที่ไทยคาดหวังให้กัมพูชาถอนออกไปเนื่องจากเป็นอาวุธที่อันตรายนั้น พลเอกณัฐพล ระบุว่า ถือเป็นสิ่งที่อยากให้กัมพูชาได้ดำเนินการถอน ซึ่งตามแผนการปฏิบัติการ ได้กำหนดกรอบเวลา เอาไว้ 6 สัปดาห์ เดือนครึ่งประมาณ 1 เดือนครึ่ง หรืออาจจะมากกว่านั้น และกัมพูชาก็เห็นพร้อง ซึ่งจะมีอยู่ 3 เฟส คือเริ่มทันทีในคืนวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ส่วนเฟสที่ 2 จะเริ่มภายใน 3 สัปดาห์ และเฟสที่ 3 คือ สัปดาห์ที่ 6
ซึ่งจะมีการแบ่งการถอนอาวุธเป็นล็อต ส่วนแต่ละล็อตจะถอนอาวุธอะไรบ้างนั้น อยู่ระหว่างการพูดคุย และต้องถอนพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นเฟสไหนก็ตาม
เมื่อถามถึงการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนหรือ AOT ใช้กรอบการทำงานระยะเวลาเท่าใด พลเอกณัฐพลชี้แจงว่า ประมาณ 3 เดือน และสามารถต่อได้อีก ซึ่งคาดว่าในห้วงเวลาดังกล่าว สามารถเห็นผลได้ใน 3 เรื่อง ทั้งถอนอาวุธหนัก เก็บกู้วัตถุระเบิดตามแนวชายแดน ในส่วนของบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว
โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 17 ธันวาคม 2568 รวมถึงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ด้วย ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มทำอยู่ ซึ่งก็เริ่มทำแผนการดำเนินการ ส่งไปยังกัมพูชา ก่อนย้ำว่าวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นวันดีเดย์ อาวุธอะไรที่เริ่มถอนได้ก็ให้ถอน แม้จะเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้น เราก็ติดตามความคืบหน้าไป
ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ขอนายกรัฐมนตรี ตั้งคณะทำงานในเรื่องนี้ โดยมีพลเอกอุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน และมีหน่วยงานกระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทยร่วม ขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนสบายใจ
ขณะเดียวกันพลเอกณัฐพล ยังระบุอีกว่า เรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดหากอยู่ในพื้นที่ของฝ่ายใดให้ฝ่ายนั้นเป็นผู้เก็บกู้ทุ่นระเบิด
เมื่อถามว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าฝ่ายกัมพูชาจะเก็บคู่ทุ่นระเบิดในพื้นที่ เช่นในพื้นที่ปราสาทตาควายและพื้นที่โดยรอบ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า คณะAOT ต้องลงไปดู ในพื้นที่ปราสาทตาควาย ว่ามีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจริงหรือไม่ โดยเบื้องต้นเริ่ม 13 พื้นที่
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS