พงศ์พรหม ย้อนวัยอดีต เคยรู้ตัวตั้งแต่มัธยม 4 ว่าไม่ชอบอะไรบางอย่างในไทย และอยากไปอยู่ต่างประเทศมากกว่า เพราะ….
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตรองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ฟซบุ๊กระบุว่า เช้านี้อยากฝากคนรุ่นใหม่ๆ
เราเกลียดเมืองไทย หรือเราเกลียดอะไรในเมืองไทย? เพื่อนๆสาธิตจุฬาฯจะจำได้ อยู่ๆตอนมัธยมปลายผลการเรียนผมตกต่ำเร็วมาก จากที่เคยเรียนกลางๆไปทางดีตอนมัธยมต้น เหตุง่ายๆเลย
ด้วยสุขภาพไม่ค่อยดี แพ้ง่าย คุณแม่คุณพ่อเลยมักจะส่งไปอยู่ฟรีกินฟรีกับญาติๆในต่างประเทศทุกปีตั้งแต่เด็ก เพราะเราไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ผมมักมีอาการหอบเวลาอากาศร้อนจัด
ผมเริ่มรู้ตัวว่าผมไม่ได้ชอบเมืองไทย ผมจึงตั้งใจเอ็นท์ไม่ติด เผื่อจะฟลุ๊กโดนส่งไปอยู่กับญาติ ไม่เยอรมัน ก็ออสเตรเลีย หรืออเมริกา
ความฟลุ๊กของชีวิตอีกครั้ง ผมดันไปจีบสาวปลายปี 2533 พอตอนซักกลางมกราคมปี 2534 สาวเริ่มพูดเรื่องจะเข้ามหาวิทยาลัย
นั่นคือเหตุที่ทำให้ผมจับหนังสือครั้งแรกปลายเดือนมกราคมและใช้เวลา 2-3 เดือนอ่าน จนเอ็นท์ติดธรรมศาสตร์ในปีนั้น ที่ก็ไม่ได้อยากเข้าอยู่ดี
เหตุแค่จะอยู่ไทยเพื่อจีบสาว
เกริ่นยาวๆมาเพื่อจะบอกว่า
ผมรู้ตัวตั้งแต่มัธยม 4 ว่าผมไม่ชอบอะไรบางอย่างในไทย และผมอยากไปอยู่ต่างประเทศมากกว่า
บังเอิญหลังเข้ามหาวิทยาลัย
คุณพ่อได้มีส่วนในการไปช่วยโครงการหลวงมากขึ้น
ต้องกราบขอบพระคุณคุณชายดิศนัดดา ดิศกุล อีกครั้ง ที่เปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล
โครงการดอยตุงทำให้ผมเห็นความจริงของประเทศนี้
ประเทศเรามีดีมากมาย
มีคนดีมากมาย
แต่เราก็มีความยากจน มีภัยพิบัติ
และอย่าลืมว่าเราเผชิญสงครามบ่อยครั้งในอดีต
คนดอยตุง นอนกลางดิน กินกลางทราย
สมเด็จย่า คุณชายดิศ นักวิชาการ ประชาชนในท้องถิ่น
เคียงบ่าเคียงไหล่กันพัฒนาชุมชน พัฒนาจังหวัด
ผมเริ่มเห็นครับว่าผมต้องแยกว่าผมชอบ หรือไม่ชอบอะไรในไทยต่างหาก
ผมเกลียดความมักง่าย ไร้ระเบียบในสังคม
ผมเกลียดการคอร์รัปชั่นทุกหย่อมหญ้า
ผมเกลียดนักการเมือง ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นที่เอาเปรียบประเทศ
ผมเกลียดการศึกษาแบบท่องจำ ห้ามถาม
ผมเกลียดพิธีรีตรองมาก จนลืมเนื้อหาสำคัญ
แต่
ผมชอบคนไทย
ชอบความมุ่งมั่นพัฒนาชาติของคนไทยอีกไม่น้อย
ชอบวัฒนธรรมแสนเจ๋งของเรา
และรักสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมีเหตุผลด้วยการเห็นสิ่งที่พวกเขาพยายามทำ
หน้าที่เรา ไม่ใช่ด่าชาติ
หน้าที่เรา คือช่วยกันซ่อมแซม ปรับปรุง พัฒนาประเทศนี้ต่างหาก
ใกล้ๆตัว ก็ขยันขึ้น ช่วยกันไม่ทิ้งขยะ ไม่สนับสนุนการคอร์รัปชั่นแค่นี้ก็เปลี่ยนประเทศได้แล้ว
ไกลขึ้น ก็แบ่งเวลาช่วยงานสาธารณะ สร้างสิ่งดีๆให้เกิด
พอผมเริ่มแยกได้ว่าผมชอบ และไม่ชอบอะไร
ผมก็จะเริ่มเห็นว่า
ผมจะไม่อวยประเทศไทยว่ามันดีเกินจริง
และไม่ด่าประเทศว่ามันเลวเกินจริง
แต่จะเริ่มเห็นหน้าที่
เพื่อนผมหลายคนเบื่อ จึงย้ายไปอยู่ต่างประเทศกัน ซึ่งไม่ได้ผิด ผมเข้าใจพวกเขามากๆ
ส่วนผม ก็พยายามทำหน้าที่ และมีความสุขกับสิ่งที่ประเทศนี้มันก็ดีขึ้นมากมายจริงๆ
ปี 1998 เป็นปีที่ผมเคยต้องเลือกว่าจะเรียน Ph.D. ต่อที่อเมริกา และอาจอยู่อเมริกาบ้านเกิดผมอีกนาน
หรือจะกลับไทย
สุดท้ายผมเลือกกลับไทยมาเรียนศศินทร์
วันนี้ผมก็ไม่ได้สรุปกับชีวิตหรอกว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่
แต่ 24 ปีที่ผมกลับไทยมา
ผมเข้าใจประเทศนี้มากขึ้น
อย่างน้อยผมรู้ว่าผมรักประเทศนี้
และแยกออก ว่าผมชอบ และไม่ชอบอะไร
นั่นคือสิ่งสำคัญ