กัณวีร์ ชี้ ปัญหาแม่น้ำกกมีสารปนเปื้อน รัฐบาลไทยมัวแต่เกรงใจจีน จนกระทบกับประชาชน
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
ถ้าทำไม่ได้ นายกฯ ก็ลาออกไป !! ผ่านมา 3 เดือนยังเจรจากับว้าก็ไม่ได้ เมียนมาก็ไม่ได้ จีนก็ไม่ได้ แล้วจะเป็นรัฐบาลไปทำไม
ประชาชนต้องอยู่กับน้ำปนพิษ รัฐบาลกลับเลือกอยู่กับความเงียบ Quiet Diplomacy การทูตแบบเงียบ หรือการทูตเชิงเลี่ยงกันแน่ มัวแต่เกรงใจจีน จนละเลยประชาชนไทย
เรื่องผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมข้ามแดนจากเมียนมาที่มาถึงไทยจากการทำเหมืองทองและเหมืองแร่เอิร์ธ ซึ่งมันกระทบต่อชุมชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำกกในรัฐฉาน และไหลเข้าสู่ภาคเหนือของไทยเข้าสู่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ แล้วลงแม่น้ำโขง ที่ อ.เชียงสาย จ.เชียงราย
ภาคประชาสังคมติดตามและเรียกร้องกับเรื่องนี้อย่างมากมาย แต่ดูเหมือนเสียงไม่กึกก้องพอที่จะดังไปสู่ฝ่ายบริหารเพื่อจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการใช้การเจรจาทวิภาคีกับทหารเมียนมาว่าให้หยุดกิจกรรมที่มันกระทบต่อคนไทยในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย และรวมถึงทำลายทรัพยากรธรรมชาติในแม่น้ำกกและแม่น้ำโขง
เห็นข่าวถึงสัตว์น้ำได้รับผลกระทบมากมาย ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนริมน้ำต้องกระทบต่อการดำรงชีพ สิ่งที่มากกว่านั้น คือ ผลกระทบต่อชีวิตคนลุ่มแม่น้ำในประเทศไทย ทั้งการสาธารณสุขและวิถีชีวิต ทำให้ผู้คนแถวนั้นได้รับผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ แม่น้ำกกไม่สามารถถูกนำมาใช้ในการดำรงชีวิตเหมือนก่อน แถมกระทบต่อวิถีชีวิตคนในแม่น้ำโขงด้วยเช่นกัน
สร้างความเข้าใจที่ง่าย คือ การทำเหมืองแร่ทองและแร่เอิร์ธ (แร่หายาก) นั้น จริงๆ แล้วมันมีกระบวนการและวิธีการทำอย่างถูกต้องและสามารถทำให้เป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมได้ หากแต่การทำเหมืองในเมียนมาในปัจจุบันนี้ ผู้ที่มีอำนาจในพื้นที่เค้าเองไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม แถมมีนักธุรกิจการลงทุนจากจีนมาทำอีก เลยเป็นการทำเหมืองละลายแร่ !!
พูดง่ายๆ ใช้สารเคมีเพื่อเอาแร่ออกมาให้เร็ว แล้วทิ้งสารเคมีที่ตกตะกอนตามลำน้ำแหละครับ มันเลยเกิดเรื่องสารหนูผ่านแม่น้ำกกและเข้าสู่แม่น้ำโขงนั่นเอง
คงมีอีกหลายคนที่ฟังคำตอบจาก รองนายกฯ ภูมิธรรมและสะอึก เพราะบอกว่า ไปพูดกับทหารเมียนมาแล้ว เค้าบอกทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ภายใต้ว้า !!
อะไรนะ ฟังอีกครั้ง ทหารเมียนมา ทำอะไรไม่ได้ เพราะพื้นที่อยู่ภายใต้การควบคุมของว้า และที่ไม่พูด คือ “มันมีจีนมาลงทุน”
ก่อนอื่นรัฐบาลไทยต้องเข้าใจก่อนว่า เมียนมาในปัจจุบันไม่ได้อยู่ในการปกครองของทหารเมียนมาเพียงผู้เดียวเท่านั้น หากเข้าใจแล้วรัฐบาลไทยจะเห็นภาพชัดขึ้นว่าหากเกิดปัญหาอะไรในเมียนมาที่มันกระทบต่อไทย รัฐบาลไทยต้องวางแผนการแก้ไขปัญหาอย่างไร
เรื่องแต่ละเรื่องในเมียนมาที่กระทบต่อไทยหนักๆ มันมีตัวละครที่แตกต่างกันตามพื้นที่ เรื่องผลกระทบข้ามแดนเรื่องสารหนูที่เข้ามากระทบกับไทยตามแม่น้ำกกและแม่น้ำโขง มันอยู่ในพื้นที่ว้า ที่มีจีนสนับสนุนเต็มที่แน่นอน ไทยจะทำอย่างไร ??
สิ่งที่ภาคประชาสังคมเรียกร้องอย่างทันทีและมันก็คือสิ่งที่ต้องทำเพื่อหยุดผลกระทบข้ามแดนนี้คือ “หยุดการทำเหมือง” มองออกไม่ยากถึงตัวละครที่จะทำได้ คือ จีน และ ว้า เพราะทหารเมียนมาหมดปัญญาในพื้นที่ว้า ไทยจะทำยังไงให้จีนหยุดการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบของธุรกิจตัวเองในต่างประเทศ
ไทยต้องกล้า พูดตรงๆ กับจีน อย่าหงอเค้า ได้ยินนายภูมิธรรมฯ บอกว่าจะพิจารณาทำเขื่อนดักตะกอนดิน นี่มันอะไร กลัวเค้าจนต้องมาแก้ปัญหาที่ปลายเหตุโดยเอาเงินภาษีคนไทยมารับผิดชอบการกระทำที่ไร้สำนึกทางธุรกิจของจีนในพื้นที่เมียนมาเหรอ ??
หยุดแม้แต่จะคิด กลัวอะไรกับจีน นี่มันกระทบผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ ไม่กล้าแม้กระทั่งจะไปอ้าปากบอกเค้าเหรอว่าเค้าทำธุรกิจหาเงินเป็นแสนล้านแล้วมันกระทบกับไทย อย่ากลัว อย่าเก่งแต่กับคนไทย เพราะคุณ คือ รัฐบาล ที่เอาภาษีคนไทยไปใช้บริหาร คุณไม่ได้เอาเงินของรัฐบาลจีนมาบริหารประเทศ ตื่นขึ้นมาดูความจริง !!
หากยังไม่กล้าพอในการพูดตรงๆ เพราะกลัวแต่กับจีนเนี่ย หัดมองกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับ Environment and Climate Change เสียบ้าง เก่งนักในการต่างประเทศ ช่วยไปดูกรอบความร่วมมือต่างๆ ที่มีทั้งจีนและไทย รวมถึงประเทศต่างๆ อยู่ในนั้นแล้วไปตะโกนบอกเค้า ร่วมกับประเทศอื่นๆ หากกลัวจะไปคุยตรงๆ ตามที่คุณมาบอกผมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าคุณกลัวจีนขนาดไหน !!
นี่คือสิ่งที่คุณจะทำได้ อย่าคิดจะเอาภาษีคนไทยทั้งประเทศมาใช้เพื่อแก้ปัญหาจากการทำธุรกิจที่ไร้สำนึกของจีนในประเทศเมียนมา แล้วส่งผลกระทบข้ามแดนมาถึงคนไทย หน้าที่ความรับผิดชอบของใครก็ต้องปฏิบัติ หากทำไม่ได้ บอกออกมาดังๆ ว่าไม่กล้า แล้วออกมาให้คนที่เค้าสามารถทำได้ซะ คนไทยเสียประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม ชีวิต สุขภาพและวิถีการดำรงชีวิตมานานแล้ว !!
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS
