“ภูมิธรรม” เผย พร้อมใช้เขื่อนสิริกิติ์ เร่งระบายน้ำจากลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านลงเขื่อนสิริกิติ์และลำน้ำสาขา
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านทรัพยากรน้ำประชุมฉุกเฉินเพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ จากการประเมินของกรมอุตุนิยมวิทยาพบจังหวัดเชียงรายจะมีฝนตกต่อเนื่องไปอีก 2 – 3 วัน ทำให้ที่ประชุมวันนี้ได้กำหนดแผนเฉพาะหน้าขึ้นมาแก้ปัญหา
โดยสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยตั้งศูนย์เฉพาะกิจในแต่ละจังหวัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ ที่มีอำนาจหน้าที่สั่งการและดูแลพื้นที่ พร้อมประสานหน่วยงานราชการเน้นแก้อุทกภัยในจังหวัดเชียงราย แพร่ น่าน พะเยา และสุโขทัย เนื่องจากสถานการณ์ยังมีความรุนแรงครอบคลุมการดูเรื่องของข้อกฎหมาย หากพื้นที่ไหนเสี่ยงอุทกภัยหรือมีความน่าเป็นห่วงสามาถประกาศเป็นพื้นที่เขตอุทกภัยและภัยพิบัติ เพื่อนำอุปกรณ์ เครื่องมือ และบุคลากรเข้ามาช่วยเหลือได้รวดเร็วขึ้น
ด้านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้เร่งบริหารจัดการน้ำในเขื่อนต่างๆที่อยู่ในสังกัดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะเขื่อนสิริกิติ์พบยังมีศักยภาพรองรับน้ำได้อีกร้อยละ 40 ของความจุอ่าง จึงเร่งระบายน้ำจากลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านลงเขื่อนสิริกิติ์และลำน้ำสาขา ส่วนปริมาณน้ำหลากจากจังหวัดเชียงรายคาดว่าจะไหลลงสู่แม่น้ำโขงในอีก 2 – 3 วัน จากนั้นสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย ยกเว้นหากมีฝนตกเพิ่มเข้ามาในพื้นที่จะเป็นปัจจัยเสี่ยง อาจจำเป็นต้องพิจารณาเพิ่มมาตรการเข้าไปช่วยเหลือเพิ่มเติม
ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ให้ร่วมกับกระทรวงคมนาคม ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในถนนเส้นทางต่างๆ หากพบเส้นทางไหนมีปริมาณน้ำหลากผ่านให้ประสานงานเพื่อขุดเจาะและใช้แบริเออร์ปิดกั้นเส้นทาง พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบและประสานกระทรวงกลาโหมขอสะพานแบริงเข้ามาปิดกั้นไม่ให้ถนนขำรุดมากขึ้นจากน้ำกัดเซาะ โดยส่งให้ สทนช. เป็นผู้กำกับดูแล
ส่วนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บริหารจัดการน้ำในพื้นที่เขตป่าที่เป็นจุดดักเพื่อลดความรุนแรงของน้ำป่าไหลหลาก สำหรับกระทรวงพาณิชย์ ให้ควบคุมดูแลในพื้นที่อุทกภัยไม่ให้สินค้าจำเป็นขาดแคลนและราคาปรับตัวสูงขึ้น เพื่อไม่เป็นการซ้ำเติมประชาชน
ทุกคนจะร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ไม่ต้องห่วงแม้เป็นรัฐบาลรักษาการ แต่สามารถทำงานได้ตามรัฐบาลปกติและจะไม่เกิดช่องว่างของการทำงานแน่นอน ส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้ช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติสามารถนำงบกลางเกี่ยวกับภัยพิบัติเข้ามาช่วยเหลือได้