ครูธุรการ แฉ! ถูกผอ.ประเมินไม่เป็นธรรม ก่อนบีบให้ลาออก

เดือด! ครูธุรการสาว ถูกผอ.เรียกพบ แจ้งไม่ผ่านการประเมินทั้งที่ไม่ใช่ฤดูกาลประเมิน แถมทำหนังสือลาออกให้พร้อมเซ็น

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ แชร์โพสต์ของครูธุรการโรงเรียนหนึ่งที่ถูกบีบให้ออกเนื่องจากการประเมินไม่ผ่าน ซึ่งเจ้าตัวระบุว่าการประเมินไม่เป็นธรรม พร้อมระบุด้วยว่าการประเมินต้องประเมินทุกวันที่ 30 ก.ย.เพื่อต่อสัญญา ซึ่งเท่ากับช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูการประเมิน ยิ่งกว่านั้นผู้อำนวยการโรงเรียนแจ้งว่าได้มีการทำหนังสือให้เจ้าตัวเซ็นลาออก โดยอ้างว่าถ้าลาออกเองจะได้ไม่เสียประวัติ ต่อมาเจ้าตัวจึงไปร้องเรียนที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ซึ่งเขตก็แจ้งให้กลับไปทำงานที่โรงเรียนเช่นเดิม เพราะไม่ใช่ช่วงที่โรงเรียนต้องประเมิน แต่เจ้าตัวก็ไม่สนิทใจที่จะร่วมงานกับบุคลากรโรงเรียนอีก จึงได้ยินยอมที่จะเซ็นหนังสือลาออก พร้อมกับถามหาความยุติธรรม โดยโพสต์ของครูธุรการรายนี้ มีรายละเอียด ดังนี้
“คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก”
1.สวัสดีค่ะ ชื่อหยินนะคะ สอบได้ตำแหน่ง ธุรการ ร.ร.เงินเดือน 15,000 บาทค่ะ หยินทำงานมาได้ 4 ปี 5 เดือนละค่ะ กว่าจะสอบได้ยากมากๆ เลยค่ะ คนสอบเเข่งขันกันพันกว่าคน กว่าจะเรียกถึงหยินนานเกือบปีเลยค่ะ
2.วันที่ 16 พ.ค.65 หยินได้ถูกเรียกไปพบท่าน ผอ.ในห้องประชุม ท่านแจ้งว่าคณะกรรมการได้ร่วมกันประเมินผลปฏิบัติงาน รอบที่ 1 (1 ต.ค.- 30 เม.ย.65) โดยลงความเห็นว่าหยินไม่ผ่านการประเมินฯ
ไม่สามารถจ้างงานหยินได้อีกต่อไป (ซึ่งการประเมินฯ จะประเมินทุกวันที่ 30 กันยายนของทุกปี เพื่อต่อสัญญา ก่อนหน้านี้ที่อยู่กับท่าน ผอ.ท่านเก่าไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้เลยค่ะ)
3.ท่าน ผอ.กล่าวว่าจะไม่ส่งผลประเมินฯนี้ไปที่ สนง.เขต
แต่หยินจะต้องลาออก เพื่อรักษาประวัติในการทำงานค่ะ
ท่านทำหนังสือลาออกให้ เหลือแค่ลงลายมือชื่อค่ะ (ภาพที่ 5)

4.ท่านให้หยินมอบหมายงานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 พ.ค.65 ส่วนข้าวของที่บ้านพักครู ให้มาเก็บวันหลังได้ค่ะ
5.วันที่ 17 พ.ค.65 หยินขอท่าน ผอ.ว่าขอดูคะแนนผลการประเมินฯ (ภาพที่ 1) 51.8 คะแนน มันพูดอะไรไม่ออกเลยค่ะ สงสัยไปหมดค่ะว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี่หยินไม่ได้ทำงานเลยหรอ

6.วันที่ 18 พ.ค.65 ท่าน ผอ.แจ้งให้หยินไปที่ สนง.เขต
เพื่อไปเซ็นรับทราบผลการประเมินฯ ที่ท่านได้นำไปไว้ใน
ล็อกเกอร์รับเอกสารของ ร.ร. (ภาพที่ 2) วันนี้คะแนนเหลือแค่ 49.30 คะแนน ร้องไห้เลยค่ะ หยินเลยตัดสินใจไม่เซ็นยอมรับผลการประเมินนั้นค่ะ

7.งานทุกงานที่ท่าน ผอ.สั่งหรือเพื่อนร่วมงานขอให้หยินช่วยทำ หยินทำทุกอย่าง อาจจะช้าบ้าง ผิดพลาดบ้าง แต่หยินก็ทำจนสุดความสามารถ เท่าที่คนคนหนึ่งจะทำได้
หยินไม่เคยละเลยต่อหน้าที่ หยินปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความรู้ ความสามารถ ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ซื่อสัตย์ไม่เคยทุจริตอะไร ท่าน ผอ.นัดมาทำงานนอกเวลาราชการหยินก็มา ถ้าหยินมีธุระหยินขออนุญาตท่านตลอด หยินไม่เคยเงียบหายไปเฉยๆ เลยสักครั้งค่ะ
8.หยินอยากมาขอความยุติธรรมให้ตัวหยินเองค่ะ
การลงคะแนนการประเมินผลฯ ครั้งนี้ ทางคณะกรรมการฯ ตัดสินหยินจากอะไรคะ ถ้าหยินไม่มีความรู้ ความสามารถ แถมความประพฤติไม่ดี อย่างที่ทางคณะกรรมตัดสินจริงๆ หยินคงจะยอมรับผลการประเมินผลฯ และคงไม่กล้ามาโพสต์ประจานตัวเองแบบนี้แน่ๆ ค่ะ
9.หลังจากวันที่ 16 พ.ค.65 (ภาพที่ 3, ภาพที่ 4)
To be continued……
ยาวหน่อยแต่อยากให้อ่านกันค่ะ
ฝากแชร์ด้วยนะคะ
อยากให้สังคมได้รับรู้กันเยอะๆ ค่ะ

ต่อมาเจ้าตัวโพสต์อีกว่า EP 2. “ความยุติธรรมคืออะไร เจอได้แค่ในพจนานุกรม”
(ลาออกสมใจพวกท่านแล้วนะคะ ยินดีกับพวกท่านด้วยค่ะ ที่พวกท่านได้ทำให้เด็กคนหนึ่งลาออกได้สำเร็จแล้ว ต่อจากนี้พวกท่านคงจะกินข้าวอิ่ม นอนหลับกันแล้วนะคะ หยินขออโหสิกรรม ตัดเวรตัดกรรม หมดเวรหมดกันสักที ใครทำอะไรไว้ก็รู้อยู่แก่ใจ ขอให้พวกท่านเจริญๆ กันทุกคนนะคะ)
1.วันที่ 18 พ.ค. หยินได้ไปร้องเรียนที่ สนง.เขต ทางเขตให้หยินกลับไปทำงานที่ ร.ร.เหมือนเดิมค่ะ เพราะไม่ใช่ช่วงที่ ร.ร.ต้องประเมินผลฯ และไม่สามารถย้ายโรงเรียนให้กับหยินได้
2.ในวันเดียวกันหยินได้ไปยื่นเอกสารที่ศูนย์ดำรงธรรมไว้
3.วันที่ 23 พ.ค. ท่าน ผอ.นัดให้หยินเข้าไปคุยที่ ร.ร. ท่านได้ชี้แจงผลการประเมินบอกว่าเป็นเพียงการประเมินผลรอบแรกเท่านั้น ไม่มีผลต่อการจ้างงาน อยากให้มาปรับตัวร่วมกัน ท่านได้บอกให้หยินกลับไปทำงาน (ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ชี้แจงผลการประเมิน บอกแค่ว่าประเมินไม่ผ่านและไม่สามารถจ้างหยินต่อได้)
4.หยินคงไม่สามารถกลับไปทำงานกับพวกท่านได้อีกแล้วค่ะ (บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงไม่กลับไปทำงาน) ขอออกจากตรงนี้ดีกว่า คือมันไม่สนิทใจแล้วค่ะ อยากทำงานที่ทำแล้วสบายใจมากกว่า อีกอย่างนะคะ คนไม่ใช่ ทำดีให้ตายยังไง มันก็ไม่ใช่อยู่ดี
4.หยินขอขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะ ที่มอบกำลังใจให้หยินอย่างมากมาย ตลอดมา
ขอบคุณทุกคนมากๆ จริงๆ ค่ะ
“ที่หยินออกมาโพสต์ก็แค่อยากให้สังคมรับรู้
ว่าในสังคมของเรามันมีแบบนี้อยู่จริงๆ”
-THE END-