Connect with us

News

ใครทำชั่วก็ต้องได้รับความชั่ว! 1 ในกก.สอบ 2 นายพล กร้าว! ใครทำผิดต้องได้รับผิด ไม่มีมวยล้ม!!

Published

on

พล.ต.อ.วินัย ลั่น ! จะทำความจริงให้ปรากฏ ใครทำผิดต้องได้รับผิด ใครทำถูกก็ต้องได้รับความบริสุทธิ์ ใครทำกรรมดีก็ต้องได้รับกรรมดี ใครทำชั่วก็ต้องได้รับความชั่ว

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า พล.ต.อ.วินัย ทองสอง 1ในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จ กรณี 2 นายพลมีความขัดแย้งกัน ที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น ประกอบด้วย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ นายชาติพงษ์ จีระพันธุ กรรมการ และ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง กรรมการและเลขานุการนั้น

พล.ต.อ.วินัย ได้ชี้แจงว่า ทางคณะกรรมการได้พูดคุยกัน และเล็งเห็นว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ จึงควรมีการสื่อสารให้ทราบความคืบหน้า สำหรับที่มาของการตั้งคณะกรรมการนั้น มาจากนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วง เรื่องการแถลงข่าวโต้แย้งกัน ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย

จึงตั้งคณะกรรมการที่มีความเป็นกลาง ไม่ใช่คู่ขัดแย้งและไม่ได้เป็นฝ่ายใด มาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้คือ จะทำความจริงให้ปรากฏ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร
พล.ต.อ.วินัย กล่าวต่อว่าใครทำผิดต้องได้รับผิด ใครทำถูกก็ต้องได้รับความบริสุทธิ์ ใครทำกรรมดีก็ต้องได้รับกรรมดี

ใครทำชั่วก็ต้องได้รับความชั่ว จะไม่มีการกลั่นแกล้งใส่ร้ายรังแก หรือช่วยเหลือผู้ใด รวมไปถึงถ้าประชาชนท่านใด มีเบาะแสหรือข้อมูลหลักฐาน เกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอให้นำข้อมูลมาพบคณะกรรมการได้

ส่วนจะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบมากเท่าใดนั้น ตามคำสั่งให้ระยะเวลา 60 วัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และยาว คณะกรรมการจึงต้องพยายามทำงานให้รวดเร็ว และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ พร้อมเก็บข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็น นำเสนอ

สำหรับการตรวจสอบ จะสอบในเรื่องที่มีการแถลงโต้ตอบกัน เรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ของเว็บพนัน ซึ่งต้องทำความจริงให้ปรากฏ ต้องได้รายละเอียดว่าใคร ทำสิ่งใด อย่างไร ตนเชื่อว่าทางคณะกรรมการ จะสามารถทำความจริงให้ปรากฏได้ แม้จะไม่ได้ดูสำนวนการสอบสวนจาก ป.ป.ช.

แต่ยืนยันว่า สามารถทำความจริงให้ปรากฏได้ เพราะเรามีวิธี ที่จะให้ได้มาถึงข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่ และมีบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก จึงมีการขอแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม และจะรายงานให้ทราบเป็นระยะ ว่าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบข้อมูลส่วนใดบ้าง

ส่วนจะทำทันตามกรอบเวลา 60 วันหรือไม่นั้น ทางคณะกรรมการจะพยายามทำให้ทัน แต่ถ้าไม่ทันก็ต้องขยายระยะเวลา ซึ่งเวลานี้ได้เริ่มทำแล้ว แต่จะตรวจสอบทันก่อนที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เกษียณหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ วันนี้ข้อมูลต่างๆเดินทางมาจนสุดแล้ว ฉะนั้นการดึงข้อเท็จจริงออกมา คิดว่าไม่น่าใช่เรื่องยาก

และเมื่อถามว่าผลการตรวจสอบครั้งนี้จะเป็นอย่างไร พล.ต.อ.วินัย ตอบว่า ผลการพิจารณาจะสรุป และส่งให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา ว่าจะส่งให้หน่วยใดเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนของคดีความที่อยู่ในขั้นของ ป.ป.ช. หรือคดีทางอาญา ก็ดำเนินควบคู่กันไป ส่วนตัวคาดว่าผลสอบของกรรมการชุดนี้ มาน่าจะกลับมาที่ ตร.

ขอยืนยันว่า การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ไม่ใช่การซื้อเวลา แต่เนื่องจากประเด็นนี้ยังหาบทสรุปไม่ได้ จึงต้องหาคนกลางมาทำงาน เพื่อไม่ให้มีใคร มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งขณะนี้ยังไม่พิจารณาเรียกคู่ขัดแย้งทั้ง 2 มาชี้แจง อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานในส่วนอื่นก่อน แต่อาจจะมีการเรียกมาสอบในช่วงท้ายของการทำงาน

ทั้งนี้พล.ต.อ.วินัย กล่าวต่อว่า คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นครั้งนี้ มีลักษณะการทำงานเหมือนชุดกรรมการพิเศษ ที่นำโดย ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ ซึ่งตรวจสอบเรื่องเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ คดีบอส อยู่วิทยา ที่สุดท้ายผลการตรวจสอบ สามารถนำไปสู่การดำเนินคดีผู้กระทำผิดได้

อย่างไรก็ตาม แม้นายพลทั้ง 2 ออกมาแถลงว่า จะมีการปรองดองยุติข้อขัดแย้ง แต่ยืนยันว่าไม่มีผลใดๆไม่มีมวยล้มต้มคนดู สำหรับส่วนผลการตรวจค้นบ้านของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งใช้กรรมการชุดเดียวกันนี้ ได้ทำการเสนอนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่า การใช้กำลังคน ควรจะใช้ความระมัดระวัง แต่ทั้งนี้การเข้าค้นบ้านของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์เป็นไปตามกฎหมาย

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: