หมอธีระ เผย รัฐบาลควรพิจารณานโยบายรัดเข็มขัด ลดนำเข้าสิ่งฟุ่มเฟือย เน้นใช้ของผลิตในประเทศ อย่าเพิ่งทุ่มเงินทุน
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ด้วยจำนวนการติดเชื้อใหม่เช่นนี้ อาจเริ่มเห็นสัญญาณจากระบบสุขภาพตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป อย่างที่เคยวิเคราะห์ไปว่าคงจะยืนระยะได้ราว 6-8 สัปดาห์หากเป็นระดับหลักพันต่อวัน จากนั้นจะเริ่มเกิดภาวะ exhaustion ได้
บทเรียนในต่างประเทศ นอกจากในระบบการดูแลรักษาแล้ว สัญญาณอีกหนึ่งอันที่จะเห็นควบคู่กันไปคือ ระบบการสอบสวนโรคจะไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะภาระงานมากเกินกว่าจะจัดการได้ไหว Testing Tracing Isolation and Support นั้นจึงต้องมีการเพิ่มศักยภาพไปพร้อมกัน โดยต้องวางแผนล่วงหน้า และต้องมีมากเพียงพอที่จะรับมือการระบาดหนักจริง
ทั้งในเรื่องศักยภาพการตรวจคัดกรองโรค การสอบสวนโรค ทรัพยากรคนเงินของสถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ ในการแยกกักและดูแลรักษาติดตามผล รวมถึงการสนับสนุนด้านอื่นที่จำเป็นในการดำรงชีพของทั้งผู้ติดเชื้อ กลุ่มผู้สัมผัส ครอบครัว และบุคลากรทางการแพทย์
ประเมินดูสถานการณ์ หากศึกนี้ยาวเกินไป จะยืนระยะไม่ไหว ทั้งระบบสุขภาพ และระบบสังคมเศรษฐกิจสิ่งที่ควรพิจารณาคือ การทำ regional lockdown หรือเทียบเท่า พร้อมกับตะลุยตรวจให้มากและต่อเนื่อง โดยใช้เวลา 2-4 สัปดาห์
เพราะที่มีอยู่ในขณะนี้ ไม่พอที่จะหยุดการระบาดได้ครับ และควรพิจารณานโยบายรัดเข็มขัด ลดการนำเข้าสิ่งฟุ่มเฟือยหรือไม่จำเป็น เน้นใช้ของที่ผลิตได้ในประเทศ และรณรงค์ช่วยเหลือให้ทุกครัวเรือนวางแผนการเงิน
หากกู้เงินมาเพิ่ม ระมัดระวังอย่าเพิ่งทุ่มไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจระหว่างประเทศหากการระบาดยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มิฉะนั้นจะคล้ายช่วงก่อนระลอกสองและสามที่ผ่านมา ด้วยรักและห่วงใย
You must be logged in to post a comment Login