Connect with us

News

ครอบครัว ช็อก! พี่สะใภ้ ปวดหัวไปหาหมอ กลับบ้านไม่ถึง 4 ชั่วโมง เสียชีวิต!!

Published

on

เล่าอุทาหรณ์ พี่สะใภ้อายุ 40 ปี มีอาการปวดหัว ตัดสินใจไปหาหมอ-ทานยาตามสั่ง สุดท้ายผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงกลับเสียชีวิต เผย ก่อนหน้านั้น สุขภาพแข็งแรงแทบไม่เคยป่วย

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Aurapan EU โพสต์ข้อความเล่าอุทาหรณ์ที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัว โดยพี่สะใภ้เกิดอาการปวดหัว จนทนไม่ไหว ตัดสินใจไปพบแพทย์เข้ารับการรักษา แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน หลังกลับจากโรงพยาบาลและรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการ ไม่กี่ชั่วโมง พี่สะใภ้กลับจากไปตลอดกาล โดยเจ้าของโพสต์เล่าว่า…

ขออนุญาตแชร์อุทาหรณ์ประสบการณ์เรื่อง ปวดหัว ที่ไม่ใช่เเค่ปวดหัวธรรมดา เเต่เป็นการปวดหัวจนพรากชีวิตของคนเป็นแม่ไป

[สรุปฉบับย่อ พี่สะไภ้เรามีอาการปวดหัวมาก ทานยาไม่หาย เลยไปพบหมอ หมอเเจ้งว่าไม่ได้เป็นอะไร จ่ายยามา เเละให้กลับไปพักผ่อน หลังจากหาหมอเเละทานยาไปไม่เกิน 4 ชั่วโมง พี่สะไภ้เราก็ได้จากไปเเล้ว]

เรื่องราวนี้เกิดกับครอบครัวของเรา ซึ่งเป็นพี่สะไภ้ของบ้านเรา พี่สุอายุเพียงเเค่ 40 ปี เเต่งงานกับพี่ชายเรา มีโซ่ทองคล้องใจด้วยกัน 3 คน ลูกชายคนโตเพิ่งอายุ 6 ขวบ ลูกชายคนกลาง 4 ขวบ เเละลูกสาวคนเล็ก เพียงเเค่ 1 ขวบ…
พี่สุเป็นคนพูดน้อย ขี้เกรงใจ สวย ผอมหุ่นดี เเต่แข็งแรง อุ้มลูกที 2 คนได้สบายๆ อยู่บ้านเดียวกันมา6-7 ปี เเทบจะไม่เคยเห็นแกป่วยหรือไม่สบายเลย

-สัญญานที่ผิดปกติ..
ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2023 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ ได้ยินพี่เขาบอกว่าปวดหัวบ่อย สีหน้าดูซีดเซียว
ปกติแกจะเป็นคนห่วงลูกมากไม่ค่อยฝากใคร เลี้ยงเองมาตลอด แต่ช่วงนั้นแกฝากไว้กับที่บ้านบ่อยจนเราก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เห็นแกทานยาเเก้ปวด เเละได้มีซื้อยากลุ่มประเภทไมเกรนทาน เเละมีทานยาขยายหลอดเลือด เราก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก

-วันที่ไปพบหมอ เเละวันที่พบกับการจากลา..
จนเดินทางมาถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2023 ได้ยินว่าพี่สุยังปวดหัวไม่หาย เเละช่วงบ่ายแก่ๆพี่ชายเราพาพี่สุไปพบหมอ ที่โรงพยาบาลพญาไท 3 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ไปประจำไม่ว่าจะเป็นคลอดลูกหรือรักษาอะไรก็ตาม

ซึ่งเราก็เบาใจเเล้วว่าไปหาหมอเเล้วเดี๋ยวคงหาย และคงจะดีขึ้น
แต่เย็นวันนั้นเราเลิกงานเเละเข้ามาในบ้าน เห็นพี่สุนอนอยู่ ที่โซฟาชั้นหนึ่งของบ้านซึ่งปกติแกไม่เคยนั่งเล่นหรือนอนหลับที่ชั้นหนึ่งเลย ภาพที่เราเห็นคือแกนอนขดซึ่งเราก็แปลกใจว่าทำไมขึ้นไปไปนอนข้างบนแม่กับพี่ชายเราก็ตอบว่าเพิ่งไปหาหมอมา หมอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร น่าจะพักผ่อนน้อย เครียด และพี่สุเพิ่งทานยาไปเลยให้นอนตรงนี้ก่อน

ซึ่งหลังจากนั้นตัวพี่สุเองก็ขึ้นไปนอนข้างบนโดยที่พี่ชายเราเปิดกล้องเอาไว้เป็นกล้องที่เอาไว้คอยดูตลอด (กล้องในห้องนอนติดเอาไว้สำหรับคอยดูลูกๆ)

ระหว่างนั้นพี่ชายเราเองสังเกตุเห็นพฤติกรรมแปลกจากกล้อง พี่สุมีอาการพลิกตัวไปมาบ่อยบ่อยเลยขึ้นไปดู ซึ่งพอพี่ชายถามว่าแกไหวไหมแกก็บอกว่าโอเคขอกอดลูก ซึ่งแกไม่ได้พูดออกมาเป็นคำพูดแต่แกพยายามทำท่าทาง

ช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม พี่ชาย LINE มาถามเราว่า พี่สุนอนหลับลึกจัง กินยาสามตัวเข้าไป ซึ่งเป็นยากลุ่มคลายเส้นคลายเครียด พี่ชายถามเราว่าปกติหลับลึกหรอกินยาพวกนี้ เราก็ตอบไปว่าใช่ ปกติกินยาพวกนี้แล้วจะหลับลึกมาก (มีช่วงหนึ่งที่เราเคยใช้ยากลุ่มนี้เพื่อการนอนหลับ) จากนั้นเราก็เลยขึ้นไปช่วยพี่ชายดูยา แล้วช่วยกันเสริชหาอาการข้างเคียงซึ่งก็พบว่ายาทั้งสามตัวที่กินเข้าไปนั้นเป็นยาที่กินแล้วหลับจริง พี่ชายเรากับเราก็คิดว่า หมอคงจ่ายยาให้เเกพักผ่อนเยอะๆ เพราะแกคงนอนหลับไม่สนิทมาหลายวันมั้ง

จากนั้นพี่ชายก็เข้าไปดูพี่สะใภ้ ก็บอกว่าดูหลับลึกเกินไป มันแปลกมาก ก็เลยโทรไปเช็คโรงพยาบาล ได้คำตอบมาว่าให้พามาที่โรงพยาบาลด่วน
จากนั้นเรากับพี่ชายก็ไม่รีรอช่วยกันอุ้มพี่สะใภ้ออกจากบ้านแล้วขึ้นรถ พาไปโรงพยาบาลพญาไท3 ในทันที ระยะเวลาจากบ้านไปถึงโรงพยาบาลไม่เกิน 20 นาที…
แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาล สิ่งที่เราได้ยินทางเจ้าหน้าที่พยาบาลพูดว่าชีพจรหยุดเต้นแล้ว เราเองตกใจมากแต่เราพยายามตั้งสติ

จากนั้นก็เข้าห้องฉุกเฉินช่วยปั๊มหัวใจพยายามยื้อ 15 นาทีก็แล้ว 20 นาทีก็แล้วจนผ่านไปเป็นชั่วโมงก็พบว่าไม่สามารถยื้อชีวิตพี่สะใภ้ให้กลับมาเหมือนเดิมได้อีกเลย
มาถึงทุกวันนี้ เราก็ยังไม่ได้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สะใภ้เรา เค้าปวดหัวไปหาหมอที่โรงพยาบาล แต่หมอกลับบอกว่าไม่เป็นอะไร ไม่ได้เป็นไมเกรน แค่จ่ายยามาให้กินสามตัวแล้วก็บอกว่าให้กลับไปนอน แล้วก็ไม่ได้ทำนัดให้มาfollow upอาการด้วย

พี่สะไภ้เราแค่ทานยาตอน 5-6โมงเย็น หลังจากพบหมอ ซึ่งเมื่อทานยาเข้าไปแล้วผ่านไปแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ก็พรากชีวิตพี่สะใภ้เราจากสามีและลูกลูกไปอย่างไม่มีวันกลับ สร้างความปวดร้าวที่แสนสาหัส และไม่อาจลบเลือนได้เลย

สุดท้ายเราอยากขอให้ทางโรงพยาบาลออกมาชี้เเจงในสิ่งที่เกิดขึ้น
เราขอให้ทุกคนซื่อสัตย์กับร่างกายและความเจ็บปวดของตัวเอง อย่าเพิ่งเชื่อใจ วางใจ กับคำตัดสินของหมอเพียงคนเดียว
ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์แบบที่ไม่มีวันย้อนกลับมาแก้ไขได้อีก

เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: