Connect with us

News

ดีเอสไอ สอบวินัยร้ายแรง จนท.ตบทรัพย์ทุนจีนสีเทา

Published

on

อธิบดีดีเอสไอ คนใหม่ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่ 5 นายตบทรัพย์ทุนจีนสีเทา

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และรักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้แจงสื่อมวลชน เกี่ยวกับกรณีที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจำนวน 5 นาย ที่ถูกศาลอาญาออกหมายจับ จากการเรียกรับผลประโยชน์จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยผู้ต้องสงสัยชาวจีนที่พบระหว่างการตรวจค้นบ้านพักอดีตกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทยว่า

ทางกรมได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 5 นายหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนรายละเอียดการสืบสวนในคดีนี้ หรือกรณีที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอถูกร้องเรียนในกรณีอื่น รวมไปถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอถวายฎีกาเพื่อให้ตรวจสอบเรื่องทุจริตนั้น ทางกรมฯ จะไม่ไปก้าวล่วงหน้าที่ของฝ่ายสืบสวนซึ่งเป็นอำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งทางดีเอสไอพร้อมเข้าให้ข้อมูลและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

หากพบว่าเจ้าหน้าที่กระทำผิดจริงก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด และหากพบมีผู้อื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม คณะกรรมการฯ ก็มีสิทธิ์ดำเนินการทางวินัยทั้งหมด โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และจะเร่งรัดการดำเนินการทั้งหมดให้เร็วที่สุด

ส่วนกรณีที่ชุดปฏิบัติการด้านการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ช.ป.ข.) ที่มีเจ้าหน้าที่ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาเป็นคณะทำงานอยู่ และถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า ตั้งขึ้นมาเพื่อเรียกรับผลประโยชน์นั้น ตนเองจะลงนามในคำสั่งเพื่อยกเลิกในวันนี้ ทันที

ต่อมา มีรายงานว่าเงินสดของกลางได้หายไปจำนวนมาก และมีการเรียกรับผลประโยชน์แลกกับการช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาถูกจับกุม

จากนั้น พล.ต.อ.สุเชรษ์ หักพาล ได้สั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และนำทีมขยายผลดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและดีเอสไอ หลังพบหลักฐานมีการเรียกรับผลประโยชน์จากแก๊งพลาสปอร์ต

โดยมีการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมและบุคคลที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ รวมรวมพยานหลักฐานประกอบตามกรณีดังกล่าว

จากการสืบสวน ทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสายตรวจ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พร้อมด้วยล่ามคนจีน ได้รับการประสานจาก สถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทยในกรณีที่ นายโอนาซิส ซานริค ดาเม่ อดีตกงสุลนาอูรุประจำประเทศไทย เช่าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. แต่กลับมีชาวจีนเข้าออกบ้านหลังดังกล่าวจำนวนมาก จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ

ต่อมา เจ้าหน้าที่จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวในวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ผลการตรวจค้นพบชาวจีน 2 คน พร้อมด้วยคนงานในบ้าน มีทั้งชาวไทย จีน และเมียนมาอีก 6 คน รวมทั้งพบสุราต่างประเทศ และบุหรี่ซิการ์จำนวนหนึ่ง และยังพบเงินสดไทยจำนวนประมาณ 8 ล้านบาท

หนึ่งในชาวจีนดังกล่าว คือ นายเหมา เติ้ง เผิง เป็นผู้ต้องหาตามหมายแดงของตำรวจสากล ในกรณีเกี่ยวข้องกับแก๊งปลอมพาสปอร์ตสัญชาติหมู่เกาะมาแชลและประเทศนาอูรู

แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัว โดยได้ให้ล่ามเป็นคนไปรับเงินจากตัวแทนของชาวจีนดังกล่าว ที่บริเวณปั๊มน้ำมันบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ จำนวนเงิน 4 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดเงินสดจำนวนแค่ 2.5 ล้านบาท และส่งตัว น.ส.เซี่ยง หยาง ผู้ดูแลบ้านดังกล่าว พร้อมเงินที่ตรวจยึดให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งถูกดำเนินคดีในกรณีไม่พกพาหนังสือเดินทาง

ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลออกหมายจับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมของกองกำกับการสายตรวจ ดีเอสไอ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสิ้น 16 ราย

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: