อ.เจษฎา ให้ความรู้กรณีการติดเครื่องนอนในรถ สุดท้ายเสียชีวิต เพราะสูดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
เคส “นอนเปิดแอร์ เสียชีวิตคารถ” อันนี้ ก็น่าจะจากการได้รับก๊าซพิษ คาร์บอนมอนอกไซด์ อีกล่ะครับ
นักข่าวโทรมาถามตอนเช้า ถึงข่าวน่าเศร้า ที่มีผู้เสียชีวิตระหว่างนอนหลับในรถยนต์ที่จอดติดเครื่องไว้นาน จนกระทั่งน้ำมันหมด รถดับไปเอง .. ว่าเป็นผลจากการขาดอากาศหายใจ นอนนานเกินไป ใช่หรือไม่ ? (ดูลิงค์ข่าวในคอมเม้นต์ด้านล่าง)
ก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตด้วยนะครับ .. ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต (ซึ่งต้องรอการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการจากแพทย์ด้วย) ผมคิดว่า ก็คงคล้ายกับรายอื่นๆ ก่อนหน้านี้ คือได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (carbon monoxide) หายใจเข้าไประหว่างที่หลับ เม็ดเลือดแดงทำงานผิดปรกติ ร่างกายขาดก๊าซออกซิเจน จนเสียชีวิต …
.
… ไม่ควรใช้คำว่า “ขาดอากาศหายใจ” ที่ทำให้เข้าใจผิดไปว่า ในรถ ไม่มี “อากาศ” เหลือให้หายใจ
ตามรายงานข่าวระบุว่า ในช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. เมื่อร้านอาหารปิด ผู้เสียชีวิตทั้งคู่ซึ่งมีอาการเมา ได้เข้าไปนั่งในรถ สตาร์ทรถเปิดแอร์ทิ้งไว้ จนกระทั่งช่วงค่ำของวันต่อมา ญาติถึงได้มาดูที่รถ พบว่าทั้งคู่เสียชีวิตไปแล้ว คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย และในรถไม่มีร่องรอยการรื้อค้น ประตูรถปิดล็อกทั้ง 4 บาน กระจกไม่ได้เปิด เพื่อให้อากาศภ
และข่าวระบุด้วยว่า เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ทั้งคู่ขาดอากาศหายใจ เนื่องจากเชื้อเพลิงที่ใช้เป็นน้ำมันเบนซิน และสตาร์ตรถจนน้ำมันหมดถัง แล้วเครื่องยนต์จึงดับ จนทำให้ทั้งคู่ขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต
แต่ลักษณะตามข่าวดังกล่าวนี้ ผมเชื่อว่า น่าจะมาจากการได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ที่มาจากเครื่องยนต์ที่สันดาปเผาไหม้เชื้อเพลิงอย่างไม่สมบูรณ์ รั่วซึมเข้ามาในห้องโดยสารรถ ซึ่งไม่ได้เปิดกระจกระบายอากาศไว้ ทำให้ก๊าซเป็นพิษต่อเลือด และเสียชีวิตได้ในที่สุด
ข้อมูลจากโรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายเรื่อง “ทำไมเปิดแอร์นอนในรถยนต์ถึงเสียชีวิต?” ไว้ว่า โดยปกติ ขณะที่รถยนต์ขับเคลื่อนไปบนท้องถนน จะมีการไหลเวียนของอากาศภายนอกและภายในอยู่เสมอ ด้วยการถ่ายอากาศเสียออกทางท่อไอเสีย แล้วรับอากาศที่ดีเข้ามา
แต่ถ้าหากรถยนต์จอดสนิท แล้วติดเครื่องเอาไว้ เครื่องยนต์จะเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ และทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ขึ้น โดยไม่มีการถ่ายเทออกไป อากาศเสียก็จะวนเวียนอยู่ภายใน ไม่ไปไหน ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
เพราะก๊าซชนิดนี้จะไปแย่งออกซิเจนจับตัวกับเม็ดเลือดแดง ซึ่งจับได้ง่ายกว่าออกซิเจนหลายเท่า ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อไม่เพียงพอ ร่างกายจะขาดออกซิเจน และอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ เกิดอาการเลือดเป็นกรด ทำงานไม่ปกติ ซึม ชัก และเสียชีวิตในที่สุด
โดยระดับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายจะอยู่ที่ 1-200 ppm เมื่อได้รับเข้าไปในเวลา 4 ชั่วโมง ร่างกายจะเริ่มอ่อนเพลีย ปวดเมื่อย และเวียนศีรษะ จากนั้นจะอยากนอน
ซึ่งถ้านอนเปิดแอร์โดยไม่ดับเครื่องยนต์ก็จะยิ่งส่งผลเสียและเป็นอันตรายถึงชีวิต
สภาพของรถยนต์ ส่งผลต่อการเกิดก๊าซชนิดนี้ด้วยเช่นกัน โดยในรถยนต์เก่าหรือไม่มีการตรวจสภาพ จะเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ สูงกว่าในรถยนต์ใหม่ หรือผ่านการตรวจสภาพอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ได้สูงกว่า อัตราการเสี่ยงของการเสียชีวิตจากการเปิดแอร์นอนจะสูงกว่า
แต่ ไม่ว่าจะรถยนต์เก่าหรือใหม่ ก็ไม่ควรเปิดแอร์นอนหลับในรถยนต์ขณะที่จอดสนิทอยู่ดี เพราะก๊าซชนิดนี้ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น ทำให้ไม่มีทางรู้ตัวเลยว่าได้รับก๊าซชนิดนี้เข้าไปมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะขณะหลับ
ดังนั้น จึงไม่ควรนอนหลับในรถยนต์ที่ติดเครื่องยนต์ไว้ หรือหากจำเป็นต้องนอนจริงๆ ก็ให้เลือกจอดรถในพื้นที่โล่ง ที่อากาศถ่ายเทได้ และควรตั้งปลุกเวลานอน ให้งีบพักเพียงแค่ 15-20 นาที พอให้หายเหนื่อย อย่านอนหลับยาวครับ
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS