ดร.อานนท์ เปรียบเทียบกรณีบุ้ง เสียชีวิต ทำไมหมอกับรพ.ธรรมศาสตร์ พยายามกู้ชีพนานกว่า 112 นาที ปกติไม่เกินครึ่งชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
บุ้งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตั้งแต่หกโมงครึ่ง
พยายามกู้ชีพแล้วก็ไม่ฟื้น
แทนที่จะส่งไปโรงพยาบาลใกล้ๆ โน่น ส่งไปที่ รพ. ธรรมศาสตร์ ห่างออกไปสามสิบกว่ากิโลเมตร
รพ. มงกุฎวัฒนะยังใกล้กว่า
แล้วทำ CPR กู้ชีพกันไป 112 นาที จนเสียชีวิตเวลา 11.22 นาฬิกา
ปกติพยายาม CPR กันไม่เกินชั่วโมง นี้พยายามกู้ชีพกันตั้งแต่หกโมงครึ่งจนเกือบเที่ยง
เป็นอะไรที่บุ้งอาจจะทรมานมาก หรืออาจจะไม่ทรมานเลย เพราะเสียชีวิตไปแล้ว
คำถามคือแพทย์กับพยาบาลที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ทำไมต้องพยายามกู้ชีวิตยาวนานขนาดนั้นครับ
ผมเล่าอีกเคสให้ฟังนะครับ จะได้เห็นเปรียบเทียบกัน เป็นเคสที่หมอกับพยาบาลพยายามกู้ชีพเหมือนกันอย่างถึงที่สุดเหมือนกัน เพราะหมอกับพยาบาลยังทำใจไม่ได้
พี่พยาบาลที่สนิทกันที่ศิริราช เป็นพยาบาลเด็ก ที่หันมาทำงานเรื่อง palliative care ในภายหลัง เคยเล่าให้ฟังว่า
มีเคสหนึ่งที่ เป็นผู้ป่วยวิกฤติเรื้อรัง อยู่ไอซียูเด็ก มาเกือบสิบปี เรียกว่าโตมาในไอซียูเด็ก
หมอเด็ก พยาบาลเด็ก เลี้ยง รัก และดูแลเหมือนลูกของตัวเอง
น้องคนไข้คนนี้จะไม่รอดชีวิตก็หลายครั้ง แต่ทีมแพทย์พยาบาลศิริราชที่ไอซียูเด็ก ก็รักสุดใจพยายามช่วยมาสุดฝีมือสุดความสามารถมาโดยตลอด
วันหนึ่งที่น้องจะจากไป น้องก็ arrest ในไอซียูเด็กเหมือนเดิม พยายามกู้ชีพเท่าไหร่ก็ไม่ฟื้น หมอพยาบาลผลัดกันขึ้นไป CPR ไม่ยอมเลิกเพราะเลี้ยงมา รักและผูกพันมาก
พ่อกับแม่ของน้อง อุ้มพระพุทธรูปเข้ามาในไอซียูเด็กทั้งน้ำตา แล้วยกมือไหว้หมอกับพยาบาลที่พยายามยื้อชีวิตอย่างที่สุด แล้วพูดสั้นๆ ว่า
ปล่อยให้น้องเขาไปสบายเถอะคะ ขอขอบคุณนะครับ
หมอเด็กกับพยาบาลเด็ก ก็เลยถอยออกมาให้พ่อกับแม่ อุ้มพระเข้าไปหาน้อง ให้บอกลากัน ให้ไหว้พระจะได้ไปเกิดใหม่ พ้นทรมาน
ผมถามว่าหมอเด็ก พยาบาลเด็กที่อยู่ตรงนั้น รู้สึกอย่างไร พี่เขาตอบว่า เคารพการตัดสินใจของพ่อแม่ แต่ตัวหมอกับพยาบาลเอง ยังทำใจไม่ได้!!!! แต่รู้ว่าตัวเองต้องหยุดฝืนธรรมชาติและเคารพสัจธรรมของชีวิต
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS
