วรนัยน์ ขอให้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ จากกรณีศาลโลกยกเขาพระวิหารให้กัมพูชา ไม่ใช่โหนกระแสปัจจุบัน ทำร้ายอนาคต
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายวรนัยน์ วาณิชกะ อดีตหัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์หรือเอ็กซ์ ระบุว่า
1962 ศาลโลกตัดสินยกเขาพระวิหารให้กัมพูชา
ฉากหลังก็ลอบบี้กันไป โดยเฉพาะลอบบี้อเมริกา ฉากหน้าเจ้าสีหนุก็เดินเกมการทูตสร้างความชอบธรรม อ้างถึงอาณาจักรขแมร์ อ้างถึงการรุกรานของสยาม เรียกคะแนนสงสารจากการเคยตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส และอื่นๆ
ศาลโลกตัดสินโดยเหตุผลหลักคือ acquiescence ซึ่งทางกฏหมายแปลว่า “เงียบคือยอม” เพราะไทยไม่เคยประท้วง ไม่เดินเรื่องตามหลักกระบานการสากลที่จะเคลมเขาพระวิหาร ไม่รุกหนักทางการทูต ไม่สร้างความชอบธรรม ไม่สร้างคะแนน เพราะฉะนั้นไทยเฉยจึงหมายความว่าไทยยอม
ไทย-กัมพูชามาเริ่มมีเรื่องกันอีกปี 2008 ยิงกันรบกัน เรื่องขึ้นศาลโลกอีก ปี 2013 ศาลโลกยืนยันความชอบธรรมของกัมพูชาจากการตีดสินปี 62 ไทยปฏิเสธไม่รับคำตัดสิน
เคลียร์กัน 2 ประเด็น
1) กัมพูชาไม่ได้สร้างความธรรมในสายตาไทย เราไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว เขาสร้างความชอบธรรมในสายตานานาประเทศ
2) ประเทศที่เป็นสมาชิก UN อยู่ในกรอบของศาลโลกโดยอัตโนมัติ ไม่มีการลาออกจากสมาชิกศาลโลกนอกจากลาออกจาก UN แต่สามารถปฏิเสธคำตัดสินของศาลโลกได้
วันที่ 26-28 ตุลาคม 2025 ประชุมสุดยอดอาเซียน ไทยกับกัมพูชาจะเจรจาโดยมีมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ และตามหมายโดนัล ทรัมป์ก็จะมา นี่ไม่ใช่ศาลโลก แต่ทรัมป์ก็จะมาพร้อมไม้เรียวในมือนึงกล้วยในอีกมือนึงตามสไตล์ทรัมป์
ฉากหลังไทย-กัมพูชาก็จะแข่งกันลอบบี้ ฉากหน้าก็จะแข่งกันสร้างความชอบธรรมและดิสเครดิตฝั่งตรงข้าม
ตอนกัมพูชาชี้ไปเรื่องเสียงผีเสียงเครื่องบิน หากนายกตอบว่า “ผมได้ห้ามปรามแล้วและสั่งกองทัพให้คุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด” เราเสมอกัน 0-0 แต่หากนายกตอบ “โอ๊ข… ผมยอมใจเขา” ไทย 0 – กัมพูชา 1
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : เรียนรู้จากประวัติศาตร์เพื่อเข้าใจปัจจุบัน ไม่ใช่โหนกระแสปัจจุบันแต่ทำร้ายอนาคต
ความชอบธรรมของเรามีสูงกว่าอยู่แล้ว แผนที 1:50,000 เป็นที่ยอมรับของสากลโลก แต่เราใจกว้างชอบยิงปืนใส่หัวแม่เเท้าตัวเอง (เพราะมันสะใจดี) กัมพูชาจะได้ตามทัน
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS