หมอยง เผย ตั้งแต่ถูกคนบูลลี่เรื่องวัคซีนโควิด 19 ทุกวันนี้ยังโดนเอาชื่อไปแอบอ้าง แจ้งความไปยังไงก็ยังเคลียร์ไม่หมด
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ระบุข้อความว่า
วัคซีนโควิด 19 ผลกระทบปัจจุบันยังมีการแอบอ้างชื่อ หลอกลวง
ยง ภู่วรวรรณ
ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์
ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬา
17 กุมภาพันธ์ 2568
นับตั้งแต่โควิด 19 เป็นต้นมา ผลกระทบของสื่อสังคมออนไลน์ มีเป็นจำนวนมากจริงๆ ทั้ง bully และการอ้างชื่อไปในทางที่เสียหาย การแก้ข้อความใส่ร้ายเกิดขึ้นมาโดยตลอด
ในช่วงโควิด 19 ผมเป็นนักวิชาการศึกษาวิจัยให้ได้องค์ความรู้ใหม่ ขณะนั้นทุกคนรู้เท่ากัน เมื่อเราได้ข้อมูลอะไรมาเราก็เผยแพร่ตามความเป็นจริง
เริ่มต้นเราศึกษาภูมิต้านทานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด สมมุติภูมิต้านทานขึ้น 100 หน่วย ในระยะแรกมีวัคซีนโควิดชนิดเชื้อตาย sinovac เราศึกษาภูมิต้านทาน ก็พบว่าที่ 2 เข็มห่างกัน 4 สัปดาห์แล้วก็ขึ้น 100 หน่วย เท่ากับการติดเชื้อ ซึ่งก็น่าจะเพียงพอเหมือนกับการติดเชื้อแล้ว 1 ครั้ง ตามหลักของวัคซีนทั่วๆไป ในการป้องกันโรค
ต่อมามีวัคซีนไวรัสเวกเตอร์ AstraZeneca ขีด 2 เข็มแต่ห่างกันประมาณ 10 ถึง 16 สัปดาห์ ภูมิต้านทานขึ้น 10 เท่า หรือ 1000 หน่วย ทุกคนก็ดีใจ ภูมิต้านทานสูงดี แต่ความเป็นจริง ภูมิสูงภูมิต่ำไม่ได้สำคัญอะไร เพราะไวรัสนี้มีระยะฟักตัวสั้น จึงไม่มีผล กับระดับภูมิต้านทานที่สูง แต่ผลกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในร่างกาย เพื่อลดความรุนแรงของโรคมากกว่า ทุกคนก็ดีใจยากฉีดให้ได้สูงสูง เรามาทำการศึกษาก็พบว่าถ้าให้วัคซีนเชื้อตายนำ แล้ว ฉีดไขว้ไปเป็นไวรัสเวกเตอร์ ภูมิต้านทานก็ขึ้นไป 1000 หน่วยเหมือนกัน ก็จะใช้วัคซีน AZ เพียงเข็มเดียว ลดการ expost ของ DNA ที่อยู่ในไวรัส ก็น่าจะดี และต่อมาก็เป็นที่ยอมรับของโครงการอนามัยโลก แต่ผลลัพธ์ก็คือมีเสียงต่อต้าน ทางโซเชียลมีเดียอย่างมาก หาว่าเราเชียร์ วัคซีนเชื้อตาย มีการบูลลี่มากมาย
ต่อมาทุกคนต้องการฉีดอย่างเดียวคือ mRNA เพราะภูมิต้านทาน จะขึ้นสูงถึงระดับ 10,000 หรือมากกว่าวัคซีนเชื้อตาย 100 เท่า มีการเรียกร้องมาก ให้เอามาเป็นวัคซีนหลัก เราเองก็แปลกใจ จึงทำการศึกษาพบว่าถ้าฉีดวัคซีนเชื้อตายก่อน 2 เข็ม แล้วตามด้วย mRNA อีก 1 เข็ม ผลลัพธ์ที่ได้จากการวัดตรวจภูมิต้านทาน จะเท่ากับการฉีด mRNA 3 เข็ม ก็บอกไปตามความเป็นจริง และต่อมาก็เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป รวมทั้งต่างประเทศด้วย และเป็นการลดการใช้จำนวน mRNA ลง ซึ่งขณะนั้นมีราคาแพงและขาดแคลนมาก ผลลัพธ์ก็คือถูกบูลลี่อย่างหนัก เราเองไม่มีปัญหา เพราะมีภูมิต้านทานต่อการถูกบูลลี่แล้ว แต่คนรอบข้างที่ทนไม่ได้ และให้แจ้งความตลอด ทำให้ยังมีเรื่องค้างอยู่อีกเป็นจำนวนมาก โดยไม่มีความก้าวหน้า
หลังจากที่โควิด เริ่มสงบ ก็มีการเอารูปของเรา ไปโฆษณาขายของกันมากมาย อ้างว่าเป็นคนบอกว่ามีสรรพคุณที่ดี เช่นโรคหัวใจ โรคต่างๆมากมาย ทั้งที่เราไม่เชี่ยวชาญเลย และไม่เป็นความจริง แจ้งความให้ตำรวจไซเบอร์ ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เพราะเป็นการโพสต์ที่ต่างประเทศ ทำได้แต่เพียง report การ Report คน 2 คนเขาก็ไม่สนใจ จึงมีเรื่องออกมาอยู่ตลอดเวลา
จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่หยุด อย่างเช่นล่าสุด บอกว่าเราถูกจับ เป็นข่าว และเป็นโลโก้ Thai PBS ชัดเจน คนใกล้ชิด กล่าวหาว่าผมโดนจับ โดยบริษัทยาฟ้อง ผมเองก็คอยระวังเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่แล้วโดยเฉพาะกับบริษัทยา ก็รู้ว่า สิ่งนี้ไม่จริง ใช้ AI เข้ามาช่วย แต่ไม่เนียนเลย ถ้ารู้ว่า AI ยี่ห้อไหน ก็อย่าไปใช้เพราะทำไม่ได้ดี อย่างที่ AI ควรจะทำ จึงต้องแจ้งความทางตำรวจไซเบอร์ ผลลัพธ์ก็คงเหมือนเดิมคงทำอะไรไม่ได้ ทางตำรวจเองก็คงมีงานมาก
ขณะนี้เรื่องที่แจ้งความไว้ ก็ยังเคลียร์ไม่หมด และหลายเรื่องเชื่อว่าจะถูกทิ้งไว้ จนหมดอายุความแน่นอน ดังนั้นทางแก้ที่ดีที่สุด จะต้องส่งเสริมให้ประชากรไทยหรือทุกคน มีความรอบรู้ ทางดิจิทัล หรือ Digital literacy เป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้ถูกหลอก
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS