ผบช.น. ยัน คดีทุนจีนสีเทา ไม่มีมวยล้มต้มคนดู เตือน “ชูวิทย์ ” อย่าด้อยค่า ตำรวจใกล้เกษียณ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุนจีนสีเทาที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายเกี่ยวข้องสถานบันเทิงปาร์ตี้ยาเสพติดผับจินหลิง ว่า จากการเข้าตรวจค้นในสถานที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ทำการเข้าตรวจค้นอาคารจินหลิง และอาคารลีลา พบว่ามีการเล่นการพนัน และเสพยาติด
โดยพบบุคคลหลายสัญชาติ จำนวนรวมกว่า 200 คน มีทั้งชาวจีน เวียดนาม และชาวไทยบางส่วน ซึ่งสถานที่ที่เข้าตรวจนั้นเป็นสถานที่ปิด มีประตู 2 ชั้น มีการต่อเติมเป็นรั้วสูง ตำรวจพยามเข้าไปเพื่อแสดงตนขอตรวจค้น แต่ปรากฏมีคนไทยที่สามารถพูดภาษาจีนได้มาแสดงตนว่าเป็นผู้ดูแลร้านจินหลิงในวันตรวจค้น ถูกจับกุมในข้อหา “เปิดสถานบริการ โดยไม่ได้รับอนุญาติ”
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการตรวจค้นทีละอาคาร พบยาเสพติดหลายประเภท ได้ทำการตรวจยึดโดย พฐ. พบรถยนต์ ยึดไว้ 35 คัน พร้อมตามหาเจ้าของ มีบันทึกภาพถ่ายไว้ ตรวจสารเสพติดผู้อยู่ในอาคาร เบื้องต้นเป็นผลบวกทั้ง 104 คน ซึ่งได้ส่งทั้งหมดไปที่โรงพยาบาลธัญลักษณ์ เพื่อตรวจยืนยันผล เพราะตามกฎหมายต้องยืนยันผล ทางโรงพยาบาลได้ยืนยันผลมา 77 ราย รับสารภาพ 66 ราย ซึ่งทั้ง 66 รายให้การว่า มีรถไปรับ และพามาเสพยาที่ผับจินหลิง ก็ได้ส่งฟ้องศาลเป็นที่เรียบร้อย และ มีผู้ให้การปฏิเสธ 11 ราย และมี 1 ราย
ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้นำตัวไปฟ้องเอง เนื่องจากได้รับเงินมาจากผู้มีอิทธิพลทางการเมืองให้เงินมาให้การช่วยเหลือผู้ต้องหา ซึ่งตอนนี้ได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว และส่ง ปปช.ไปแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจพยานหลักฐานเพิ่มเติมซึ่งข้อมูลอยู่ในสำนวนคดี จากนั้นส่งศาลตัดสินแล้วและให้ ตม.รับตัวกลับประเทศไปแล้ว
ส่วนกรณี มีการตรวจพบรถยนต์ ยึดไว้ 35 คัน แต่ในจำนวน 35 คันนี้ มีบางคันยังไม่สามารถเปิดรถเพื่อตรวจค้นได้ จะส่งผลกระทบต่อรูปคดี และ การขยายผลในอนาคต หรือไม่ พล.ต.ท.ธิติ ระบุว่า เรื่องของรถยนต์จำนวนดังกล่าว ได้มีการประสานไปยัง กรมขนส่งทางบก , กรมศุลกากร เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมว่า รถแต่ละคันซื้อขายให้ใคร ใครเป็นผู้นำเอาเข้ามา หากได้ข้อมูลตรงนี้มาเพิ่ม ก็จะสามารถขยายผลต่อไปอีกได้ รถทุกคันขอยืนยันว่า ภายหลังที่มีการยึด มีการตรวจรถทุกคัน ตั้งแต่วันจับกุม มีภาพถ่ายเป็นคลิปวีดีโอไว้ ว่าในรถพบอะไรบ้าง แต่คงเปิดเผยให้ดูไม่ได้ เพราะอยู่ในสำนวนคดี
ส่วนกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อ้างว่า การทำงานของตำรวจนครบาล ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะ จัดตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่ใกล้เกษียณมาทำหน้าที่สอบสวนคดีผับจินหลิง พล.ต.ท.ธิติ ระบุว่า อย่าด้อยค่า ตำรวจที่ใกล้เกษียณ เพราะ ตำรวจที่ใกล้เกษียณ ที่ตนเลือกมา เป็นระดับชั้นครูฝึกทั้งนั้น ยืนยันการทำคดีผับจินหลิง ยืนยันไม่ใช่มวยล้มต้มคนดู ตร.รู้อยู่แล้วต้องทำเป็นคดีฟอกเงิน แต่มันต้องเป็นขั้นเป็นตอน อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน
ขณะที่กรณีสังคมเกิดการตั้งคำถามว่าทำไมไปดำเนินคดีกับคนที่เป็น รปภ. ทางตำรวจขอชี้แจงว่า บุคคลนั้นไม่ใช่ รปภ. แต่เป็นคนที่ถูกจ้างไว้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ซึ่งในขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้น เขาเป็นคนที่บอกว่าเป็นคนดูแล เจ้าหน้าที่จึงต้องทำแจ้งข้อหาตามขั้นตอน ต่อมาได้ประกันตัว และ เข้ามาเป็นพยานอีกครั้ง ซึ่งให้ความร่วมมือดีจนทำให้เจ้าหน้าที่มีข้อมูลในคดีมากขึ้น ไม่ได้เป็นการทำให้พยานแปดเปื้อน เหมือนที่ นายชูวิทย์ เคยกล่าวต่อสื่อ
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า จะมีการ เชิญนายชูวิทย์ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับคดีผับจินหลิง หรือไม่ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับ พนักงานอัยการ ว่าจะพิจารณาอย่างไร หากพิจารณาแล้ว เห็นสมควร ก็ต้องเชิญมา
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS