อภิสิทธิ์ เปิดงบฯ ที่แท้จริง ของนโยบายด้าน Soft Power ไม่ใช่แค่ 635 ล้านบาท และตอนนี้งบฯ กระจายอยู่ตามกระทรวงต่างๆ หลังแพทองธาร พ้นตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล
สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
จากกรณีเพจ THACCA ที่อ้างว่าปี 2567 ได้รับงบประมาณเพียง 635 ล้านบาทนั้น ผมในฐานะสส. ที่ติดตามนโยบายด้านSoft Power มาโดยตลอด พรรคประชาชน ขอชี้แจงถึงข้อเท็จจริงที่ผมเคยอภิปรายในสภา ในประเด็นดังนี้
1.THACCA ยังไม่ได้จัดตั้งเป็นหน่วยงานส่วนราชการ ไม่มีงบประมาณเป็นของตัวเอง ไม่มีตัวตนอยู่จริง การดำเนินงานนั้นจะเป็นการกระจายเงินงบประมาณไปยังกระทรวงและกรมต่าง ๆ เพื่อดูแลโครงการ เช่น ด้านภาพยนตร์อยู่กับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ด้านอาหารอยู่กับกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น
2.งบประมาณปี 67 จริงอยู่คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ได้งบ 635.54 ล้านบาท จากงบกลาง แต่นอกเหนือจากงบก้อนนั้น รัฐบาลยังของบเพิ่มเติมซอฟต์พาวเวอร์เพื่อจัดงานมหาสงกรานต์และอีเวนท์อีก 404.96 ลบ. และยังมีงบโครงการซอฟต์พาวเวอร์ในกระทรวงอื่น ๆ อีก 2,188.96 ลบ. ดังนั้น งบซอฟต์พาวเวอร์ในปี 67 มากกว่า 3,000 ล้านบาท
3.ในปี 68 คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ได้รับงบไป 2,318.42 ลบ. และยังมีการขอเพิ่มเติมในงบกลางอีก 1,336.72 ล้านบาท และยังมีงบโครงการซอฟต์พาวเวอร์ในกระทรวงอื่นๆ อีก 2,082.85 ล้านบาท ดังนั้นงบในปี 2568 รัฐบาลเพื่อไทยได้ใช้เงินในเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ไปกว่า 5,000 ล้านบาท หากรวมเงินงบประมาณสองปีแล้ว เกือบ 8,000 ล้านบาท
4.โครงการเรือธงที่อยู่ภายในโครงการนี้ที่สำคัญคือ OFOS (one family one soft power) เป็นโครงการอบรมทักษะขนาดใหญ่ โดยใช้งบประมาณในปี 2567 ถึง 227 ล้านบาท และในปี 2568 ถึง 752 ล้านบาท โดยโครงการนี้มีเป้าหมายอบรมคนไทย 20 ล้านคนให้ได้ภายใน 4 ปี แต่ปรากฏว่าภายในสองปีที่ผ่านมา ผลผลิตของผู้อบรมได้เพียง 20,355 คน เท่านั้น ดังเช่น โครงการ OFOS อาหาร ที่ตั้งเป้าหมายในปี 2567 ว่าจะมีเชฟอาหารไทยถึง 10,000 คนในปีนั้น แต่ปรากฎว่ามีผู้เข้าร่วมฝึกอบรมเพียง 1,300 คนเท่านั้น
5.ในปีงบประมาณ 2569 นั้นรัฐบาลเพื่อไทย ได้ของบประมาณในแผนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์กว่า 3.9 พันล้านบาท แต่หลังจากการพ้นตําเเหน่งของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ทำให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์สิ้นสภาพไปด้วย แต่งบกว่า 3.9 พันล้านบาทที่ผ่านสภาไปแล้วนั้น ยังคงจะกระจายไปอยู่ตามหน่วยงานอื่น ๆ เช่น เงินอุดหนุนภาพยนตร์ก็ยังคงอยู่กับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เงินอบรมเชฟอาหารไทยอยู่กับ กระทรวงการอุดมศึกษา เป็นต้น
จากนี้สิ่งที่สําคัญไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนๆ ผมในฐานะ สส.จะติดตามตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณก้อนนี้ ที่กระจายอยู่ตามกระทรวงต่าง ๆต่อไป
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS