Connect with us

News

ประจวบเหมาะ?? ปมชั้น 14 สมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์พร้อมๆ อดีตแพทย์ใหญ่ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม

Published

on

รศ.หริรักษ์ จับตา! เพื่อไทยสู้หลังชนฝา ปมทักษิณนอนรพ.ชั้น14

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

ดังที่ได้ทราบกันแล้วว่า มติแพทยสภา กรณีชั้น 14 ให้ลงโทษแพทย์ 3 คน โดยให้ว่ากล่าวตักเตือน 1 คน และพักใบอนุญาต 2 คน แต่มติดังกล่าว ยังไม่ถือว่าสิ้นสุด ขั้นตอนต่อไปคือส่งให้ สภานายกพิเศษ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งสภานายกพิเศษ ก็คือ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นโดยตำแหน่ง หากสภานายกพิเศษให้ความเห็นชอบ แพทยสภาก็จะดำเนินการตามมติต่อไป แต่หากไม่ให้ความเห็นชอบแพทยสภาก็จะต้องประชุมลงมติกันใหม่ หากมติออกมาได้เสียง 2 ใน 3 ของกรรมการแพทยสภา แพทยสภาก็จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ หากได้คะแนนเสียงไม่ถึง 2 ใน 3 มตินี้ก็จะตกไป

เมื่อผู้สื่อข่าวตั้งคำถามในประเด็นนี้ต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสมศักดิ์ตอบว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ส่งถึงตัวเอง ปกติตัวเองก็จะไม่ยับยั้งอะไร ก็เห็นชอบตามมติของแพทยสภา แต่เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน จึงต้องดูว่า ผู้ที่ถูกลงโทษเขามีปฏิกิริยาอย่างไร

จากนั้นก็มีข่าวว่า แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ท. ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ ได้มอบหมายให้ทนายความมายื่นหนังสือของความเป็นธรรมต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่การแถลงของแพทยสภายังไม่ได้ระบุชื่อของผู้ถูกลงโทษแต่อย่างใด และมติของแพทยสภาก็ยังไม่ได้เป็นที่สิ้นสุด

ไม่น่าแปลกใจว่าต่อมาในวันเดียวกัน อดีตแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ซึ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็มอบหมายให้ทนายความมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมด้วยเช่นกัน

การยื่นหนังสือของความเป็นธรรมของแพทย์ใหญ่และอดีตแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจดูจะสอดรับกับคำให้สัมภาษณ์ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อย่างเหมาะเจาะพอดี จนน่าเชื่อได้ว่า นี่เป็นจังหวะก้าวที่ถูกกำหนดไว้ในแผนการต่อสู้แบบหลังชนฝาของรัฐบาลเพื่อไทย

ต้องยอมรับว่าคุณสมศักดิ์เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง ดังนั้นคงไม่หลับหูหลับตาไม่ให้ความเห็นชอบต่อมติแพทยสภาโดยทันทีทั้งที่อยากทำใจแทบขาด แต่ต้องหาเหตุผลที่มีน้ำหนักพอเสียก่อน เหตุผลที่ต้องการก็น่าจะอยู่ในหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของแพทย์ใหญ่และอดีตแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ จึงต้องคอยดูต่อไปว่าคุณสมศักดิ์จะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งคุณสมศักดิ์มีเวลา 15 วันหลังจากที่ได้รับหนังสือแจ้งมติของแพทยสภา

การจัดการกับสว.สีน้ำเงิน ด้วยการใช้บริการของ ดีเอสไอ แทนที่จะเป็น กกต. ก็เป็นการต่อสู้ของคุณทักษิณและรัฐบาลเพื่อไทย ทำกันถึงขนาดตั้งข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร และฟอกเงิน ด้วย นอกเหนือจากข้อหา ฮั้วการเลือกตั้ง เพื่อให้เข้าข่ายที่ ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนที่ดีเอสไอเข้ามาทำคดีที่เป็นความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และไม่เคยมีมาก่อนว่า ข้อหาความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งจะเป็นข้อหา อั้งยี่ ซ่องโจร และฟอกเงิน และยังทำกันอย่างเอิกเกริก ด้วยการนำกำลังดีเอสไอ และกกต.ไปปิดหมายเรียกสว.ที่อยู่ในข่ายมาให้ปากคำถึงหน้าบ้าน ดูเหมือนว่าว่าดีเอสไอทำงานช้ินนี้ด้วยความทุ่มเทยิ่งกว่าคดีอาญากรรมใดๆ

ว่ากันตามจริง ในการเลือกสว.ที่ผ่านมา กลุ่มต่างๆโดยเฉพาะกลุ่มที่ทราบกันดีว่า เป็นกลุ่มของพรรคการเมือง เชื่อว่ากลุ่มเหล่านี้แต่ละกลุ่ม ย่อมมีการวางแผนร่วมกันเพื่อให้ได้จำนวนที่นั่งในวุฒิสภาให้มากที่สุด เรียกว่าทุกกลุ่มต่างก็มีการฮั้วกันในรูปแบบต่างๆไม่มากก็น้อย ผู้สมัครอิสระเป็นจำนวนมาก ก็มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มและมีการประชุมร่วมกันเพื่อตกลงวิธีการที่จะทำให้ได้เข้ามาเป็นสว.ให้ได้มากที่สุด บางกลุ่มถึงกับมีการโหวตกันเพื่อให้บางคนที่มีโอกาสน้อยเสียสละไปโหวตให้คนที่มีโอกาสมากกว่า เช่นนี้เรียกว่าฮั้วหรือไม่ แต่บังเอิญกลุ่มที่เรียกกันว่า สว.สีน้ำเงินมีการวางแผนและการดำเนินงานที่เหนือชั้น ทำให้กลุ่มอื่นๆพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป แม้แต่ตัวเก็งที่คาดกันว่าจะได้เป็นประธานวุฒิสภาก็สอบตกไปในรอบสุดท้ายอย่างเหลือเชื่อ

ไม่ว่ากลุ่มสว.สีน้ำเงินจะฮั้วหรือไม่ฮั้วก็ตาม แต่ต้องยกให้ว่า กลุ่มสว.สีน้ำเงินได้สร้างคุณูปการให้กับประเทศชาติ ด้วยการขวางรัฐบาลเพื่อไทยทุกเรื่องที่จะนำประเทศชาติไปสู่หายนะ บอกได้เลยว่า หากสว.สีน้ำเงินชุดนี้ต้องพ้นสภาพไป จะเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง น่าเสียดายยิ่งกว่าที่คุณทักษิณไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้เดินทางไปประเทศการ์ต้าเสียอีก

อย่าคิดว่ารัฐบาลเพื่อไทยกำลังต่อสู้กับพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น รัฐบาลเพื่อไทยที่นำโดยคุณทักษิณ ชินวัตร กำลังต่อสู้กับใครก็ตามที่รัฐบาลเพื่อไทยไม่มีทางเอาชนะได้

การศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแน่งทางการเมืองมีมติไม่รับคำร้องของคุณชาญชัย อิสระเสนารักษ์ เป็นครั้งที่ 3 แต่ศาลเห็นว่า เมื่อความปรากฎต่อศาลว่า อาจมีการบังคับตามคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลนี้ ศาลย่อมมีอำนาจไต่สวนและมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร มติของแพทยสภาที่ลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับกรณีชั้น 14 และศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของสว.สีน้ำเงิน และให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแล ดีเอสไอ เป็นการชั่วคราว เป็นสัญญานที่ชัดเจนที่บ่งบอกความพ่ายแพ้ของรัฐบาลเพื่อไทย เนื่องเพราะทั้งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แพทยสภา และศาลรัฐธรรมนูญ ล้วนตัดสินใจโดยยึดมั่นในความถูกต้อง และไม่ยอมให้ประเทศชาติต้องหายนะล่มจมเพราะพรรคการเมืองและนักการเมืองบางคน อย่างเด็ดขาด นั่นเอง

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: