อ.อุ๋ยชี้! ความกล้าหาญทางการเมืองที่สูญหาย? ทำไมไม่ฉีก MOU 43/44 พร้อมกับปฏิญญาสันติภาพ!
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ และอดีตผู้สมัคร สส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสเฟสบุ๊คแสดงความเห็นว่า
ข่าวความสูญเสียของทหารกล้าที่เหยียบกับระเบิดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จนขาขาด เป็นเครื่องตอกย้ำถึงความเปราะบางของปัญหาความมั่นคงที่เราต้องเผชิญอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศจุดยืนแข็งกร้าวว่าจะประท้วงการกระทำดังกล่าวอย่างถึงที่สุด พร้อมทั้งนำไปสู่การ ระงับ”ปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา” ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ลงนามโดยผู้นำประเทศระดับสูง และมีประธานอาเซียนและผู้นําสหรัฐเป็นพยาน
แต่คำถามใหญ่ที่ผมสงสัยและต้องถามไปถึงรัฐบาลคือ: เมื่อมีความกล้าที่จะระงับ”ปฏิญญาสันติภาพ” ที่มีสถานะสูง ทำไมถึงไม่ดำเนินการฉีก “MOU 43 (ว่าด้วยการปักปันเขตแดนทางบก)” และ “MOU 44 (ว่าด้วยการปักปันเขตแดนทางทะเล)” ซึ่งทําให้ไทยเสียเปรียบมาตลอด ไปพร้อมกันเสียเลย?
ในทางกฎหมายระหว่างประเทศ MOU 43/44 มีสถานะที่ ต่ำกว่า ปฏิญญาสันติภาพอย่างชัดเจน เนื่องจากเอกสารทั้งสองฉบับนี้เป็นเพียงบันทึกความเข้าใจที่ลงนามโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการแะว่าการกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งแสดงถึงความผูกพันในระดับที่น้อยกว่ามาก
การที่รัฐบาลแสดงความกล้าหาญทางการเมืองโดยการยกระงับ หรืออาจนําไปสู่การยกเลิก เอกสารระดับ “ปฏิญญา” ได้ แต่กลับยังคง กอด “MOU 43/44” ไว้แน่น นั้น เป็นเรื่องที่น่าเคลือบแคลงอย่างยิ่ง
การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญญาณที่ขัดแย้งกันในเชิงนโยบาย แต่ยังทำให้เกิดคำถามว่า รัฐบาลยังคงมีวาระซ่อนเร้นหรือผลประโยชน์ใดในการคงไว้ซึ่ง MOU ที่มีปัญหาเหล่านี้หรือไม่?
ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ นายกฯ อนุทิน ต้องแสดงความเด็ดขาดและใช้ความกล้าหาญทางการเมืองให้สุดทาง เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตของทหารไทยอย่างแท้จริง การฉีก MOU ทั้งสองฉบับไปพร้อมกันเท่านั้นที่จะสะท้อนถึงเจตจำนงที่แน่วแน่และหยุดยั้งการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นซ้ำรอยได้
ด้วยความปรารถนาดี
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS