จุลพันธ์ เผย อาจจะพิจารณาขยับใช้เงินดิจิทัล เพิ่มจาก 4 กิโลเมตร เป็นตำบลหรืออำเภอได้
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมการประชุม สส. พรรคเพื่อไทย เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 ของรัฐบาล พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะและความคิดเห็นของ สส. ซึ่งได้สะท้อนความต้องการของพี่น้องประชาชนที่ต้องการนโยบายนี้ โดยหวังว่าจะเป็นหนทางในการช่วยให้เศรษฐกิจประเทศดีขึ้น
[ กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ สร้างโอกาสประชาชน ]
1. นายจุลพันธ์ กล่าวว่า วันนี้เศรษฐกิจประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่เข้มแข็ง มุมมองที่เสนอออกมาเป็นมุมมองในการรักษาเสถียรภาพเป็นหลัก แต่กระทรวงการคลังและรัฐบาลมีเครื่องมือทางการคลังที่จะกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะนี้ทุกคนรู้ว่าไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ถ้าปล่อยให้ไทยโตเฉลี่ยไม่เกิน 2% เหมือนที่ผ่านมา เราจะถึงจุดที่แตกหัก คือ รายรับของรัฐไม่สามารถเติบโตทันสวัสดิการที่เราต้องให้กับประชาชน และเราเติบโตต่ำกว่าประเทศในภูมิภาค ฉะนั้น รัฐบาลมองว่า เราต้องเติบโตตามศักยภาพ ต้องดึงไทยกลับไปเติบโตที่ 5% เป็นระดับที่เหมาะสมเป็นอย่างต่ำ
2. กลไกที่จะใช้ หนึ่งในนั้นคือนโยบายเงินดิจิทัล แต่ไม่ใช่เพียงอย่างเดียว รัฐบาลมีนโยบายที่ครอบคลุมในหลายมิติ เช่น การลดค่าใช้จ่ายของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาไฟฟ้า ราคาน้ำมันดีเซล และวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงนโยบายที่เราจะแก้ไขกฎหมายที่เป็นข้อจำกัดในการประกอบอาชีพของประชาชน ฉะนั้นเวลาดูนโยบาย ต้องดูเป็นแพคเกจใหญ่
3. ด้านเงินเฟ้อ จะไม่กระทบมาก เพราะช่วงที่ผ่านมามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จาก 1.25 เป็น 2.50 ซึ่งสามารถหยุดยั้งสถานการณ์เงินเฟ้อในระดับที่น่าพึงพอใจ เป็นนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย เงินเฟ้อจากระดับ 5% เหลือ 0.3 ต่อให้มีนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเข้าไป เราก็มีกลไกในการควบคุมกำกับดูแลให้อยู่ในระดับเหมาะสม
4. มีความพยายามที่จะกล่าวหาเรื่องจะเป็นการซื้อคริปโตเคอเรนซี่มาแจกประชาชน ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดสิ้นเชิง เพราะเงินนี้เป็นเงินบาท จะต้องถูกรองรับด้วยเงินบาท ไม่สามารถเก็งกำไรได้ ถ้าให้คิดง่ายๆ เงินที่เราแจกเปรียบเทียบได้กับคูปองที่เทียบเท่ากับเงิน 10,000 บาท แต่มีเงื่อนไขถูกเขียนเข้าไปด้วย เพื่อให้กระตุ้นเศรษฐกิจและเกิดการหมุนเวียนจริง ถึงกำหนดว่าต้องใช้ใน 6 เดือน ต้องใช้ในระยะทางที่กำหนด และห้ามนำไปใช้ในบางประเภท เงื่อนไขเหล่านี้เป็นตัวยืนยันที่เขาถามว่าได้ผล นโยบายนี้จะเป็นนโยบายแรกที่เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจที่มากกว่านโยบายใดๆ ที่ไทยเคยใช้มา
5. ในอดีตที่ผ่านมา มีการจ่ายเงินสดให้พี่น้องประชาชน แต่ไม่มีเงื่อนไข เมื่อไม่มีเงื่อนไข ผมเก็บเงินมา ผมอาจใส่เข้ากระเป๋า เงินก็จะไม่หมุน ถ้าผมเอาไปใช้หนี้ ถึงมือเจ้าหนี้ มันก็เก็บ ไม่หมุน แต่กลไกนี้เราบังคับว่า ทุกบาทต้องใช้ใน 6 เดือน เมื่อทุกคนเห็นแล้วว่าจะมีการใช้จ่าย พวกเราอยู่ในหลายๆ จังหวัดเห็นพี่น้องเตรียมการลงทุนในภาคการผลิต ไปจ้างงาน ไปซื้อสินค้าประเภททุนมาเตรียมรอบรับ เมื่อเงินมาถึงก็จะสามารถนำเม็ดเงินเหล่านั้นมาลงทุนในการประกอบอาชีพ
[ ประชาชนมีความหวัง ต่อยอดสร้างอาชีพ ]
6. นอกจากนี้มีการคุยกับสถาบันการเงินของรัฐบางแห่งเช่น ธกส. และออมสิน สิ่งที่เขาต้องการทำก็คือ ถ้าคุณรวมกลุ่มกันได้หรือคุณจะไปคนเดียว นำเอาเงินดิจิทัล 10,000 บาท และคุณมีแผนในการลงทุนประกอบอาชีพที่ชัดเจน เช่น ทำการเกษตร แล้วไปคุยกับธนาคารเหล่านั้น ธนาคารที่อยู่ในการกำกับของรัฐ พร้อมที่จะให้เงินกู้เพิ่มเติมเพื่อที่จะนำไปประกอบอาชีพ เช่น เอาเงินหมื่นมาสามคน มารวมกันแล้วบอกว่าจะซื้อปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ทางธนาคารเหล่านี้บอกว่า พร้อมเลยที่จะต่อยอดให้ ด้วยการเติมเม็ดเงินในการไปซื้อปัจจัยเหล่านั้น
7. สิ่งที่เราเดินหน้ามาในขณะนี้เราเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ เราเห็นโอกาส เราเห็นความหวังของพี่น้องประชาชนว่า เขาจะสามารถนำเม็ดเงินไปต่อยอด ไปยืดชีวิต ไปประกอบอาชีพ สร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
8. ในรายละเอียดอื่นๆ เราก็รับฟังทั้งหมด เช่น ในเรื่องระยะทาง เราพร้อมที่จะผ่อนปรนเพื่อที่จะให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ อาจจะพิจารณาขยับเพิ่มจาก 4 กิโลเมตร เป็นตำบลหรืออำเภอได้
[ กระตุ้นเศรษฐกิจโดยประชาชน คือ กลไกหลัก ]
9. ในเรื่องที่เสนอให้แคปวงเงิน บอกว่าคนรวยอาจไม่ได้ใช้ประโยชน์นัก ประเด็นแรก คือ กลไกในการทำนโยบาย จะต้องมีการยืนยันตัวตนระดับหนึ่ง ใครไม่ยืนยันตัวตนก็ถือว่าท่านสละสิทธิ์ ใครไม่เข้าโครงการ เป็นสิทธิ์ของประชาชน ซึ่งเรากำลังพิจารณา เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด
10. ในเรื่องของผู้สูงอายุและผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ ในเบื้องต้นที่เราคิดโครงการ เราคิดว่าจะต้องเดินไปยืนยันตัวตนที่ธนาคารของรัฐ และอาจมีกระดาษพร้อม QR Code เพื่อไปแลกเปลี่ยนกับคนที่มีสมาร์ทโฟนได้เลย แต่เรากำลังหาหนทางที่จะจัดทำดีกว่านั้น คือ เมื่อยืนยันตัวตนแล้ว มันจะบันทึกอยู่ในบัตรประชาชน ซึ่งนำไปใช้กับแอปพลิเคชันของอีกคนในการแลกเปลี่ยนได้ แต่ต้องมีกลไกในการยืนยันใบหน้า เพื่อไม่ให้สามารถเอาไปแอบอ้างหรือหยิบบัตรประชาชนของท่านไปขึ้นเงิน
11. นโยบายนี้เป็นนโยบายหลัก และเป็นประโยชน์ไม่ใช่แค่กับประชาชน นโยบายนี้ถ้าให้พูดกันตรงๆ คือการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยประชาชนเป็นกลไก คือประชาชนมาช่วยกันกับรัฐบาลทำให้การหมุนเวียนทางตัวเงินมันเกิดขึ้น
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS