อัยการ ไฟเขียว! ให้ตำรวจแจ้งข้อหาทนายษิทราเพิ่ม ใช้เอกสารปลอมเบิกความเท็จในศาลคดีเอมี่ พร้อมสั่งให้ ทนายษิทธา มาฟังคำสั่งทางคดี ในวันที่ 1 ก.ค. 64 นี้
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า จากกรณีทนายษิทธา ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า ได้นำเอกสารบัตรข้าราชการตำรวจไปปลอมแปลงลายเซ็น เพื่อใช้ในการยื่นต่อศาลในการขอลดโทษ พ.ร.บ.ยาเสพติด มาตรา 100/2 ในคดีที่ น.ส.อาเมเรีย จาคอป หรือเอมี่ อดีตดาราชื่อดัง ตกเป็นจำเลยในคดียาเสพติด กระทั่งตำรวจได้สืบสวนเรื่อยมาจนศาลจังหวัดมีนบุรีได้ออกหมายจับนายษิทรา และถูกตำรวจจับกุมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ก่อนจะได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี และตำรวจได้ส่งสำนวนฟ้องให้อัยการนั้น
ล่าสุดนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสั่งคดี ที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ,ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา ว่า
คดีนี้ หลังจากตำรวจ สน.มีนบุรี สรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญามีนบุรี 1 ทางพนักงานอัยการ ได้ตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่า มีการเบิกความเท็จในชั้นศาล โดยทางตำรวจ ได้แจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 180 ผู้ใดนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ถ้าเป็นพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดีนั้น ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท
แต่อัยการเห็นว่า พฤติการณ์ที่มีการนำสืบพยานเป็นเท็จในคดีที่มีโทษประหารชีวิต เข้าข้อกฎหมาย ตามมาตรา 181 ผู้ใดกระทำความผิดที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 300,000 บาท
ดังนั้น พนักงานอัยการ จึงสั่งให้พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ได้สอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหากับ ทนายษิทธา เพิ่มเติม ตามมาตรา 181 ซึ่งเป็นข้อหาที่มีอัตราโทษที่สูงขึ้น พร้อมกันนี้ พนักงานอัยการคดีอาญามีนบุรี 1 ยังได้นัดให้ ทนายษิทธา มาฟังคำสั่งทางคดี ในวันที่ 1 ก.ค. 64 นี้
You must be logged in to post a comment Login