(แฟ้มภาพ)
วงถก! คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ให้ฉีดวัคซีนประชาชนทั้ง Walk In และ ลงทะเบียนได้ ที่ไหนพร้อมให้ฉีดได้เลย ชี้! โรงงานไหนพนักงานเยอะ ให้ติดต่อมา ขอฉีดได้
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า (วันที่ 12 พ.ค. 2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ โดยนายอนุทิน กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบนโยบายของนายกรัฐมนตรีในการจัดหาวัคซีนโควิด19 ให้เพียงพอกับประชาชนทุกคน โดยให้มีการจัดหา 3 แนวทาง 1.ให้มีการจัดหาวัคซีนโควิดเพิ่มเติมจาก 100 ล้านโดส เป็น 150 ล้านโดสในปี 2565 2.การเร่งทำงานเชิงรุกในการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนให้เร็วและมากรายที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับวัคซีน และให้ครอบคลุมถึงสายพันธุ์อื่นๆ สายพันธุ์กลายพันธุ์หากมีการทดลองวิจัยแล้ว และ 3.ปรับแนวทางการฉีดวัคซีนให้มีการปูพรมเข็มแรกกับพี่น้องประชาชนมากที่สุด เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ ลดโอกาสความรุนแรง และเสียชีวิต
โดยการฉีดวัคซีนจะเริ่มในต้นเดือน มิ.ย. 2564 เป็นต้นไปและมี 3 รูปแบบ คือ 1.รูปแบบการนัดผ่านไลน์ หรือแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” หรือแอปพลิเคชันอื่นๆที่รัฐบาลจะจัดให้ 2.นัดเป็นกลุ่มก้อน เช่น พี่น้องอสม. หรือองค์กรภาครัฐและเอกชน และ 3.การปูพรมเรื่องของ Walk In ซึ่งรายละเอียดกรมควบคุมโรคจะเป็นผู้ดำเนินการ โดยจะให้ทางพื้นที่หรือแต่ละจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด และมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินและทรัพย์สินให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนการวิจัย การพัฒนาการผลิต และการกระจายวัคซีนให้มีคุณภาพและปริมาณเพียงพอ
ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด Walk In จะสามารถเริ่มในเดือน พฤษภาคมนี้ หรือต้องเริ่ม มิถุนายน เป็นต้นไปนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า นโยบายที่ตนลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมศูนย์วัคซีนต่างๆ คำถามแรกคือ รับนัดก่อน หรือใครมาก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ได้ทุกรูปแบบ จึงได้ย้ำกับทุกท่านว่า โอเค แต่ขอให้พิจารณา Walk In และต้องจัดวัคซีนให้เพียงพอ และอำนวยการความสะดวกให้มากที่สุด ซึ่งพื้นที่ไหนพร้อมก็เริ่มได้ อย่าง กทม. ได้ขอวัคซีนมา 1 ล้านโดส แต่ในเรื่องการบริหารจัดการอยู่ที่พื้นที่ ซึ่งก็จะมีการประกาศว่าจะให้บริการอย่างไร ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญคือ การ Walk In อาจไม่ได้ทุกคน หากบางศูนย์มีคนมารับบริการมาก แต่ก็พยายามทำให้เกิดความสะดวกสบายมากที่สุด
ขณะที่ นายอนุทินยืนยันว่า การWalk In รับวัคซีนโควิด สามารถทำได้ทั่วประเทศ อยู่ที่แต่ละจังหวัดพิจารณา ว่าจะเริ่มอย่างไร เพราะการบริหารภายใต้ศบค. จะมีการจัดลำดับขั้นตอนการบริหาร โดยสธ. มีหน้าที่หลักในการจัดหาวัคซีน เพื่อให้แต่ละพื้นที่ไปบริหารจัดการกันในแต่ละพื้นที่เอง
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มีประชาชนจำนวนไม่น้อยอยากฉีดวัคซีน ก็อยากอำนวยความสะดวกตรงนี้ จึงได้จัดบริการรูปแบบ Walk In โดยกรมควบคุมโรคเป็นผู้ประสานกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ซึ่งกรมฯ จะระบุยอดเป้าหมายการฉีดแต่ละจังหวัด โดยภาพรวมจะให้แต่ละจังหวัดอย่างน้อยครอบคลุมประชากร 70% ของประชากร แต่การกระจายจะไม่มากเท่ากรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งคำว่า ปูพรมคือ ฉีดทุกคนในพื้นที่ที่สมัครใจให้มากที่สุด ซึ่งการ Walk In นั้นจะสอดคล้องกับปูพรม คนที่โหลดจองผ่านแอปพลิเคชันได้ก็ดี จะได้ทราบวันเวลาชัดเจน แต่กรณีคนที่ทำไม่ได้ และคนที่มีความจำเป็น เช่น คนขับแท็กซี่ คนขันรถโดยสารสาธารณะ เขาอยากฉีด ทางแต่ละจังหวัดก็จะกำหนดพื้นที่ เช่น กทม. ประกาศจุดฉีดวัคซีน ซึ่งรายละเอียดจะเป็นที่แต่ละจังหวัดไปดำเนินการ และออกประกาศออกมา
สำหรับการแบ่งสัดส่วนการฉีด เบื้องต้นจะใช้สูตร 30 / 50 / 20 แต่สูตรพวกนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสม โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดก็ปรับเปลี่ยนได้ ยกตัวอย่าง สมมติมี 1,000 โดส อาจเป็นตามนัดจากแอปพลิเคชัน 30% จากรพ. 50% และจาก Walk In อีก 20% เป็นต้น ในแต่ละจังหวัดอาจปรับไม่เหมือนกัน ซึ่งในมุมมองประชาชน อย่างหากอยู่กทม. ท่านรู้ว่ามีจุดไหนก็ไปจุดนั้น แต่หากใชแอปฯ ได้ก็สะดวกระบุถึงวันเวลา สถานที่ได้
ขณะเดียวกัน หากประชาชน Walk In ต้องเป็นเฉพาะสถานพยาบาลหรือไม่นั้น นพ.โอภาส กล่าวว่า ภาพรวมอยากให้มีทุกหน่วย แต่ ข้อจำกัดรพ. คือ กังวลเรื่องความแออัด อาจเกิดการแพร่ระบาดได้ ดังนั้น Walk In เหมาะสมกับพื้นที่โล่ง เช่น สถานีกลางบางซื่อ หรือจุฬาฯ ก็ไปเปิดจามจุรีสแควร์ เป็นต้น ซึ่งก็ต้องรอประกาศตามแต่ละจังหวัด เพราะคนรับผิดชอบการฉีด คือ คณะกรรมการโรคติดต่อตามจังหวัดนั้นๆ
ทั้งนี้หากประชาชน Walk In สามารถเริ่มได้เลย จังหวัดไหนพร้อมก็เริ่มได้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนมากที่สุด ส่วนการติดตามอาการหลังการฉีดจะมีการบันทึกข้อมูลไว้ อย่างหากฉีดเสร็จแล้วให้โหลด “หมอพร้อม”ไว้ หรือหากใครไม่สะดวก ทางหน่วยบริการจะมีการคีย์ข้อมูลทุกอย่างให้เป็นเอกสารเช่นกัน เพราะเมื่อได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มจะมีใบรับรองการรับวัคซีนครบโดสให้
ส่วนกรณีเป็นโรงงาน เช่น มีพนักงาน 1,000 คน จะเป็นกลุ่มคนจำนวนมาก หากต้องการฉีดพร้อมกันให้ติดต่อหน่วยบริการในพื้นที่เพื่อดำเนินการเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม การฉีดเด็กออทิสติก หรือกลุ่มคนพิเศษนั้น จะมีการดำเนินการโดยกรมสุขภาพจิต กับสถาบันราชานุกูล จะเชิญเด็กกลุ่มนี้กับครอบครัวมาฉีดพร้อมกัน รวมถึงกลุ่มคนด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้ติดเตียงก็จะมีเดลิเวอรี่ไปฉีดให้ถึงที่ ซึ่งจะเป็นลำดับถัดไป
You must be logged in to post a comment Login