อดีตขุนคลัง ชี้ ราคาสินค้าที่แพงขึ้น ทั้งจากจีน และจากทั่วโลก จะทำให้คนอเมริกันไม่พอใจ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย.68 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ระบุว่า…
ทรัมป์เจอโต้กลับ
เมื่อวานนี้ นักข่าวถามทรัมป์ กรณีจีนแบนภาพยนต์สหรัฐ ทรัมป์แสดงท่าที ไม่ให้ความสำคัญ
ตอบอย่างติดตลกว่า เขาเคยได้ยินเรื่องที่หนักรุนแรงกว่านี้เยอะแยะ
คณะรัฐมนตรีที่นั่งรอบโต๊ะ หัวเราะกันอย่างสนุก
มาวันนี้ จีนเพิ่มมาตรการ ประกาศยกระดับภาษีสหรัฐ เป็น 125%
คราวนี้ ไม่ใช่เรื่องเล่นอีกต่อไปแล้ว น่าวิเคราะห์ว่า ทรัมป์จะเดินหมากรุกตาต่อไป อย่างไร
จีนประกาศว่า ถ้าทรัมป์ยกระดับไปอีก ก็จะไม่ตาม เพราะจะไม่มีความหมายต่อการขายสินค้าสหรัฐอีกแล้ว
ดังนั้น ทรัมป์ไม่น่าจะยกระดับภาษีจีนสูงขึ้นไปอีก
อันที่จริง จีนจะไม่ขึ้นภาษีสหรัฐก็ได้ เพราะในเศรษฐกิจ command economy สามารถสั่งให้หยุดการซื้อได้เลย
คงจะมีแต่ชิ้นส่วนอุปกรณ์ ที่จำเป็นต้องใช้ซ่อมแซมของเดิม เช่น อะไหล่เครื่องบิน
แต่ถ้าไม่ประกาศขึ้นภาษี ชาวโลกและชาวจีน ก็จะสงสัยว่า สีจิ้นผิง พร้อมใจยินดี เตรียมจะไปขอจูบก้น หรือไม่
สำหรับทรัมป์ ย่อมจะตระหนักแล้วว่า อัตราภาษีที่เขาร้อนรนยกระดับ โดยหวังว่าสีจะไม่โต้ตอบ แต่ผิดคาด นั้น
กำลังจะทำให้ของแพงขึ้น ภายใน 3 เดือน เมื่อสต๊อกของเก่าหมดไป
และถึงแม้ importer จะลดปริมาณการซื้อจากจีน แต่คนอเมริกันก็ยังจะต้องซื้อของจีนกันต่อไป
ขณะนี้ ทรัมป์จะรีบร้อน ผลักดันการลดภาษีรายได้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
แต่เรื่องนี้ต้องผ่านสภา จะใช้เวลานานกว่าการออกคำสั่งปธน.
และเขาจะพูดผ่านสื่อ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าเขาเปิดโล่ง ให้จีนสามารถติดต่อเข้ามาตลอดเวลา
เขาจะเชื้อเชิญ แต่สีจิ้นผิงจะนิ่ง จะไม่รีบร้อน ยิ่งนานวัน แรงกดดันทรัมป์ก็จะยิ่งหนัก
ราคาสินค้าที่แพงขึ้น ทั้งจากจีน และจากทั่วโลก จะทำให้คนอเมริกันไม่พอใจ
มาถึงวันนี้ ทรัมป์มีแต่อยากจะลดภาษีให้จีน แต่ทำฝ่ายเดียวไม่ได้
ขณะนี้ ภาระหนักไปตกที่ รมว.คลัง เพราะต้องเจรจากับ 70+ ประเทศ ซึ่งแต่ละราย น่าจะมีปัญหาแตกต่างกัน
ยิ่งการเจรจาลากยาว ยิ่งไม่คลอดผลง่าย จะยิ่งกดดันฐานเสียงของทรัมป์
สำหรับประเทศอาเซียน time is on our side
ดีที่สุด คือรอดูผลสรุปของประเทศอื่นเสียก่อน
วันที่ 11 เมษายน 2568
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS