ทูตนอกแถว เรียกร้อง! สีหศักดิ์ แจงผลเสียหากยกเลิก MOU 43-44 รวมทั้งไม่เห็นด้วยกับวิธีประชามติ

ทูตนอกแถว ร่ายยาวถึง สีหศักดิ์ แสดงจุดยืน กรณีรัฐบาลมีนโยบายทำประชามติ MOU 43-44

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายรัศม์ ชาลีจันทร์ หรือทูตนอกแถว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

เรื่องที่รัฐบาลมีนโยบายทำประชามติ MOU 43, 44 ล่าสุดท่าน รมว. กต. บอกว่าประชาชนต้องรู้ข้อมูล – มีแผนรองรับ

แต่การที่กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าของเรื่อง เป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลเรื่องนี้มากว่า 20 ปี ซึ่งสนับสนุนแนวทางนี้มาโดยตลอด หากจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ เจ้ากระทรวงผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ก็ควรออกมาอธิบายให้ชัดเจนด้วยตนเอง ว่าตกลง MOU ทั้งสอง ดีไม่ดี ควรคงไว้หรือยกเลิก?

ซึ่งท่าน รมว กต. ยังไม่เคยออกมาพูดให้ชัดเลย

ท่านบอกแต่ว่าประชาชนต้องรู้ข้อมูล แต่ตัวท่านเอง ผู้รับผิดชอบโดยตรงยังไม่ออกมาบอกให้ชัด แล้วจะให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลชุดไหนอย่างไรครับ?

นี่ยังไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้มีความซับซ้อนหลายประเด็นที่ยากต่อการสร้างความเข้าใจในเพียงระยะเวลาสั้นๆ ได้ ซึ่งถ้าจะทำประชามติในช่วงเดียวกับการเลือกตั้ง ก็คงเหลือเพียงระยะเวลาน้อยมากแล้ว

ตลอดระยะเวลาที่ท่าน รมว. กต. เคยรับราชการใน กต. จนเป็นปลัดกระทรวง กล่าวได้ว่าท่านสนับสนุนแนวทางนี้ ไม่เคยคัดค้าน หรือบอกว่า MOU ทั้งสองไม่ดีอย่างไร แต่หากวันนี้ท่านจะเปลี่ยนใจ เปลี่ยนท่าที ก็ควรบอกมาให้ชัด

ผมก็รอว่าเมื่อไหร่ท่านจะออกมาพูดให้ชัดเจนเสียที เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญต่อประเทศชาติ แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็น ไม่ได้ยินจากปากท่านเลย

ผมจึงขอเรียกร้องให้ท่าน รมว. กต. ต้องออกมาพูดเรื่องนี้แสดงท่าทีให้แน่ชัดตามหน้าที่ของท่านโดยทันที

ผมยังหวังให้ท่าน รมว. กต. มีความกล้าหาญที่จะยืนยันในหลักการว่าแนวทางเรื่องนี้ที่ กต. ดำเนินการมาโดยตลอด เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง

และท่านควรกล้าหาญที่จะอธิบายให้รัฐบาลเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องคง MOU ทั้งสองไว้ และผลเสียที่จะตามมา หากมีการยกเลิก รวมทั้งไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติในเรื่องนี้ เพราะนอกจากอาจจะทำลายในสิ่งที่ กต. ดำเนินการมาตลอดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศแล้ว ยังเท่ากับเป็นการปฏิเสธหน้าที่ของรัฐบาล และปัดความรับผิดชอบไปให้ประชาชนอีกด้วย

ส่วนสุดท้ายไม่ว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร แต่อย่างน้อยท่าน รมว. กต. ย่อมได้แสดงจุดยืนบนหลักการที่ถูกต้องของวิชาชีพแล้ว

แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเมือง เป็นเรื่องของกระแสสังคม ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและท้าทายว่าจะกล้ายืนอยู่บนความถูกต้อง ที่เคยทำมาก่อนหน้าหรือไม่
(แต่ผมเชื่อว่าต่อให้ท่าน รมว กต. ยืนยันหลักการที่ถูกต้อง เขาก็คงไม่มาปลดท่านออกจากตำแหน่งหรอก )

คงไม่มีใครปฏิเสธในเรื่องความรู้ความสามารถทางวิชาการ ความเชี่ยวชาญด้านการทูต การต่างประเทศ อันโดดเด่นของท่าน รมว. กต.

แต่เรื่องความรู้ ความสามารถ กับเรื่องความกล้าหาญที่ยืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องนั้น เป็นคนละเรื่องกัน

ท้ายที่สุดนี่คือบทพิสูจน์ของแต่ละคน

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS