Connect with us

News

วิโรจน์ เผย!! กรณีนายสิบมีอาการซึมเศร้า ถูกส่งกลับ และปลดออกจากราชการ

Published

on

วิโรจน์ เผย กมธ.ทหารลุยตรวจสอบข้อเท็จจริง เตรียมเชิญ พล.ม.2 รอ. เข้าชี้แจง หลังพบเคสปลดนายสิบที่มีอาการซึมเศร้าออกจากราชการ

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

[ กมธ.ทหาร ตามสอบ โอนย้ายนายสิบที่มีอาการซึมเศร้าไปเป็นทหารมหาดเล็กได้อย่างไร พอถูกตรวจพบ แทนที่ต้นสังกัดจะรับผิดชอบ กลับปลดนายสิบออก? ]

คณะกรรมาธิการทหาร (กมธ.ทหาร) ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก สิบเอกปณิธาน พิลาภ และ สิบเอกปุณณวิชญ์ ปิยะลังกา ทหารในสังกัด กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ฯ (พล.ม.2 รอ.) โดยทั้งสองนายได้ร้องเรียนว่า ตนถูกปลดออกจากราชการโดยไม่เป็นธรรม

นายทหารทั้งสองระบุว่า ได้รับคำสั่งให้ปรับย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่ หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาะระองค์ (กบช.ทม.รอ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีภารกิจในการถวายความปลอดภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งทั้งสองนายรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากที่ได้รับมอบหมายภารกิจดังกล่าว

ต่อมา พล.ม.2 รอ. ได้ส่งตัวนายทหารทั้งสองไปตรวจสุขภาพตามระเบียบ ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 และแพทย์ได้ลงความเห็นว่า ทั้งสองนายมีอาการของโรคซึมเศร้า และได้นัดติดตามอาการรักษาต่อไป

นายทหารทั้งสองแจ้งว่า ตนเพิ่งทราบในวันตรวจสุขภาพว่าตนมีอาการของโรคซึมเศร้า แต่ยังคงเต็มใจและพร้อมที่จะไปปฏิบัติหน้าที่ที่ กบช.ทม.รอ. ตามคำสั่ง โดยได้เข้ารับการฝึกยกระดับพื้นฐานที่ โรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (รร.ทม.รอ.) อย่างเคร่งครัด

อย่างไรก็ตาม ภายหลังทั้งสองนายได้ถูกผู้บังคับบัญชาที่ รร.ทม.รอ. เรียกตัวไปสอบถามข้อเท็จจริง ทั้งสองจึงได้แจ้งต่อผู้บังคับบัญชาว่า แพทย์ได้วินิจฉัยว่าตนมีอาการของโรคซึมเศร้า โดยมิได้ปฏิเสธการฝึก หรือการปรับย้าย และทั้งสองยังได้ยืนยันกับผู้บังคับบัญชาว่า จะปฏิบัติหน้าที่ที่ กบช.ทม.รอ. อย่างเต็มที่ต่อไป โดยจะเข้ารับการรักษาตามที่แพทย์นัดอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ปัญหาสุขภาพใจของตนส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่

ต่อมาผู้บังคับบัญชา กบช.ทม.รอ. ได้แจ้งว่า จะขอเปลี่ยนตัวทั้งสองนายกลับไปยังหน่วยเดิม เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ที่ กบช.ทม.รอ. เป็นภารกิจถวายการอารักขาที่ต้องการผู้มีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่ง กมธ.ทหาร เห็นด้วยกับการตัดสินใจของ กบช.ทม.รอ. เพราะภารกิจถวายความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดความบกพร่องได้ ซึ่ง กมธ.ทหาร เห็นด้วยกับการตัดสินใจของ กบช.ทม.รอ. อย่างยิ่ง แต่ได้ตั้งข้อสังเกตต่อ พล.ม.2.รอ. ต้นสังกัดเดิมของนายทหารทั้ง 2 นายว่า ในเมื่อทราบว่านายทหารทั้ง 2 นายมีข้อจำกัดด้านสุขภาพใจตั้งแต่แรก เหตุใดจึงยังโอนย้ายทั้ง 2 นาย ให้มาปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

สิบเอกปณิธาน และสิบเอกปุณณวิชญ์ จึงถูกส่งตัวกลับตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยทั้งสองยืนยันต่อ กมธ.ทหารว่า ไม่เคยประสงค์ที่จะขอกลับหน่วยเดิม เลย

ภายหลัง ทั้งสองนายกลับถูกกล่าวหาว่า ปฏิเสธการฝึก และการคัดเลือกเข้ารับราชการใน กบช.ทม.รอ. และถูกปลดออกจากราชการในข้อหา “ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง” ซึ่งทั้งสองนายยืนยันว่าไม่เป็นความจริง แม้จะได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมถึง ผู้บัญชาการทหารบก แล้ว ก็ยังได้รับการยืนยันคำสั่งปลดออกเช่นเดิม

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา กมธ.ทหารได้เชิญผู้แทนจาก พล.ม.2 รอ. ซึ่งเป็นอดีตต้นสังกัดของนายทหารทั้งสอง มาชี้แจงข้อเท็จจริง แต่พอถึงวันนัดหมาช พล.ม.2 รอ. กลับไม่ได้มาชี้แจงต่อ กมธ.ทหาร

กมธ.ทหารเห็นว่า หากคำให้การของสิบเอกทั้งสองเป็นความจริง ย่อมมีข้อกังวลอย่างน้อย 2 ประเด็น ได้แก่

1.พล.ม.2 รอ. ย่อมทราบดีว่าการปฏิบัติหน้าที่ที่ กบช.ทม.รอ. เป็นภารกิจถวายความปลอดภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งต้องการความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เหตุใดจึงยังอนุมัติให้สิบเอกปณิธาน และสิบเอกปุณณวิชญ์โอนย้าย ทั้งที่ทราบว่า ทั้งสองนายมีอาการของโรคซึมเศร้า แม้จะยังไม่สามารถระบุระดับความรุนแรงได้ก็ตาม แต่ถ้าหาก กบช.ทม.รอ. ไม่ได้คัดกรองซ้ำ และปล่อยให้ทั้งสองนายเข้าปฏิบัติหน้าที่จนเกิดความบกพร่องขึ้น พล.ม.2 รอ. จะรับผิดชอบอย่างไร การปรับย้ายคนที่หน่วยงานทราบในเบื้องต้นแล้วว่า มีข้อจำกัดด้านสุขภาพใจ แม้แต่เพียงเล็กน้อย ให้มาทำหน้าที่อารักขาสถาบันพระมหากษัตริย์ นั้นจะถือเป็นความจงรักภักดี ได้อย่างไร

2.หากเป็นจริงว่าสิบเอกปณิธาน และสิบเอกปุณณวิชญ์ ทั้งสองนายไม่เคยปฏิเสธคำสั่ง ไม่เคยขอย้ายกลับ และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดทุกประการ พล.ม.2 รอ. จำเป็นต้องชี้แจงเหตุผลให้ชัดเจนว่า เหตุใดจึงต้องปลดนายทหารทั้งสองออกจากราชการ

ในระหว่างที่ กมธ.ทหาร สอบข้อเท็จจริงนายทหารทั้ง 2 นาย คุณแม่ของ สิบเอกปุณณวิชญ์ ซึ่งระบุว่าตนกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็ง ถึงกับร้องไห้ พร้อมกับระบายความทุกข์ในใจแก่ กมธ.ทหารว่า ตนไม่สามารถรับกับข้อกล่าวหาที่ระบุว่าลูกของตนประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงได้ เพราะในฐานะแม่ยืนยันได้ว่าสิบเอกปุณณวิชญ์ มีความเต็มใจในการปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และรู้สึกภาคภูมิใจในการที่ได้ถูกปรับย้ายไปทำหน้าที่ถวายความปลอดภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คุณแม่จึงคิดว่าข้อกล่าวหาว่าลูกชายของตนละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เป็นข้อกล่าวหาที่ตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง และเป็นการป้ายสีมลทิน ที่ไม่สามารถยอมรับได้

ทั้งนี้ กมธ.ทหารจะเชิญ พล.ม.2 รอ. มาชี้แจงอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบหลักฐานจากฝั่ง พล.ม.2.รอ. และจะรวบรวมข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายอย่างรอบคอบรอบด้าน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างประณีตที่สุด หากพบความอยุติธรรมหรือการประพฤติมิชอบ จะสรุปข้อเท็จจริง และจัดส่งให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาไต่สวนและชี้มูลความผิด พร้อมจัดส่งข้อมูลให้ สิบเอกปณิธาน และสิบเอกปุณณวิชญ์ เพื่อใช้ประกอบการฟ้องศาลปกครอง และถวายฎีกาเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: