พิชาย ลั่น ชัดเจน! เพื่อไทยมีพลังประชารัฐร่วมด้วย รวมไทยสร้างชาติก็มีแนวโน้ม แบบนี้หมอชลน่าน เศรษฐา แพททองธาร จะรับผิดชอบอย่างไร??
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ช้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีการจัดตั้งรัฐบาลและพรรคร่วม โดยระบุว่า
ตอนนี้ชัดเจนว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีพรรคพลังประชารัฐร่วมด้วย ส่วนรวมไทยสร้างชาติก็มีแนวโน้มเข้าร่วมเช่นเดียวกัน คอยดูว่าชลน่านจะลาออกจากหัวหน้าพรรคหรือไม่ เศรษฐาและแพทองธารจะรับผิดชอบคำพูดหรือไม่อย่างไร แต่ถ้าให้วิเคราะห์ คาดว่าคนเหล่านี้คงหาข้ออ้างแก้ตัวเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อประชาชน เมือเริ่มต้นจากการเสียสัจจะ สิ่งที่ตามมาหลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้วคงมีทิศทางไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก
คำว่า การเมืองมิติใหม่ที่แกนนำบางพรรคพูดที่จริงคือ การเมืองแบบเก่าล้าหลังอย่างที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไม่รักษาสัญญากับประชาชน การมุ่งมีอำนาจรัฐด้วยการต่อรองแบกเปลี่ยนผลประโยชน์ของผู้นำพรรค โดยไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ
หรือการตอบสนองความต้องการของกลุ่มอำนาจมืดและกลุ่มทุนผูกขาดมากกว่าประชาชน
โดยก่อนหน้านี้ นายพิชายเคยวิเคราะห์เกมการเมือง อำนาจของเพื่อไทย โดยระบุว่า
เกมอำนาจเพื่อไทย จากโอบหนู กอดงูเห่า สู่การสลายขั้ว ภายใต้เงาอำนาจนิยม
1.การพูดว่า ไล่หนูตีงูเห่า เป็นเทคนิคการหาเสียง = การหลอกลวงประชาชน ไม่ให้ความสำคัญกับสัญญาประชาคม และที่สำคัญคือในปัจจุบันเปลี่ยนไป โอบหนู กอดงูเห่า เปลี่ยนจากที่จะตีให้ด่าวดิ้นสิ้นสังขาร เป็นฟูมฟักเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม
2.แผนเดิม เมื่อโอบหนูเสร็จ จะไปฟูมฟักเลี้ยงดูงูเห่า โดยดึงตัว สส. เป็นบุคคลหรือกลุ่ม จาก ปชป. รทสช. พปชร. เข้ามาหนุนช่วยในการลงคะแนน แต่เจ้าของฟาร์มรู้ทัน จึงดักคอเอาไว้ว่าจะไปต้องไปทั้งพรรค แผนนี้จึงมีอุปสรรค
3.ตามประสานักกลยุทธ์ ที่แพรวพราว จึงปรับแผนด้วยการผลิต “วาทกรรมสลายขั้ว” ขึ้นมา แทนคำว่า “เปลี่ยนขั้ว”
3.1 คำว่าเปลี่ยนขั้วไม่น่าฟัง แสลงใจ แกนนำพรรคทนไม่ได้ เพราะสะท้อนการไร้จุดยืนทางการเมือง หรือการทอดทิ้งประชาชน
3.2 คำว่าสลายขั้ว ดูดีกว่า เพราะทำให้ได้ภาพว่า ความขัดแย้ง แดง-เหลือง ที่ยาวนานร่วม 20 ปีได้ยุติลงไปแล้ว โดยมีพรรคเป็นตัวแสดงนำ
4.เป้าหมายของการสลายขั้ว
4.1 ปรับภาพลักษณ์ จากพรรคที่ไร้จุดยืน ทิ้งประชาชน ให้เป็นพรรคที่สร้างความร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อให้ประเทศเดินได้
4.2 สร้างฐานของสะพานเชื่อม เพื่อทอดไปสู่การนำ ปชป. พปชร. รทสช. ทั้งพรรคเข้ามาร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นขั้นแรกในการก่อร่างสร้างความชอบธรรมในการดึงขั้วอำนาจเก่าเข้ามา
4.3 แต่ไม่มั่นใจว่า จะพอบรรเทาความโกรธเคืองของประชาชนหรือไม่ จึงเปิดจากการแสดงต่อด้วย การไปขอโทษ ขอขมา และขอเสียงจากพรรคก้าวไกล แสดงอย่างอลังการนำโดย น.ส. แพทองธาร เดินข้ามฟากจากพรรคเพื่อไทยไปพรรคก้าวไกล ทั้งที่รู้อยู่แล้วอย่างไรเสียก้าวไกลคงไม่โหวตให้ แต่จะนำไปใช้เป็นข้ออ้างในการดึงพรรคสองลุง และ/หรือ ปชป.มา การไปพรรคก้าวไกลจึงเป็นเหมือน สปริงบอร์ดที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการข้ามขั้วนั่นเอง
5.นัยของการสลายขั้ว
5.1 เป็นการใช้คำเพื่อปกปิดพฤติกรรมการทิ้งมิตร ทิ้งประชาชน และการจำนนต่อกลุ่มอำนาจนิยมจารีต
5.2 เท่ากับเป็นการขจัดเศษเสี้ยวบาง ๆ ของความเป็นเสรีประชาธิปไตย ที่เคยใช้อำพรางมาโดยตลอด ให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง และเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงแห่งความเป็นอำนาจนิยม จำนนต่อจารีตออกมาอย่างชัดเจน
5.3 อำพรางการแบ่งขั้วแบบใหม่ที่ก่อตัวมาในช่วง 3 ปีกว่าที่ผ่านมา อันได้แก่ ขั้วอนุรักษ์อำนาจนิยมจารีตของกลุ่มชนชั้นนำส่วนน้อย กับ ขั้วเสรีสังคมประชาธิปไตย ที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศสนับสนุน
สลายขั้วจึงเท่ากับเป็นการสร้างขั้วใหม่ที่พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนขั้วจากขั้วเดิมไปอยู่ขั้วเดียวกับกลุ่มอำนาจเก่านั่นเอง
สรุป ละครการเมืองเรื่อง โอบหนู กอดงูเห่าใต้เงาของอำนาจนิยม ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นตัวเอกในการแสดงกำลังจะปิดฉาก แต่ตอนจบอาจถูกคนดูโห่ไล่จนตกเวทีก็เป็นได้
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS