กัณวีร์ ชี้ การฟ้องศาลโลก เป็นแค่เกมที่กัมพูชาจะเอาเรื่องเข้าที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
ไม่อยากด้อยค่ารัฐบาลเลยครับ แต่เห็นการจัดการปัญหาชายแดนทุกด้านแล้วสิ้นหวัง !! กัมพูชาก็ยื่น 4 ข้อพิพาทไปศาลโลก สารปนเปื้อน-คอลเซ็นเตอร์ ด้านเมียนมาก็จัดการไม่ได้ แถมมีคอลเซนเตอร์ฝั่งกัมพูชาขยายตัวอีก แถมสันติภาพใต้ก็ยังถูกลืมอีก !!
วันนี้ผมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่รัฐสภา เลยขอแชร์ประเด็นที่สำคัญ โดยเฉพาะความเห็นต่อท่าทีของรัฐบาลไทยต่อการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชาตั้งคณะกรรมการนำ 4 ข้อพิพาทไปศาลโลก แต่ไทยเราตั้งคณะกรรมาธิการ JBC ไปประชุม 14 มิ.ย.นี้ ดูสวนทางกันจริงๆ และเป็นไปอย่างที่ผมเคยแสดงข้อห่วงใยไปแล้วว่า การฟ้องศาลโลก เป็นเพียงแค่เกมส์ที่กัมพูชาหวังนำปัญหาข้อพิจารณาของไทยไปสู่การประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ หรือ UNGA
“แม้ประเทศไทยจะไม่ได้เคารพเขตอำนาจศาลโลกตั้งแต่ปี 2503 แล้วจะจบ แต่รัฐบาลกัมพูชาสามารถเอาผลการพิพากษาของศาลโลกฝ่ายเดียวเข้าไปสู่ UNGA ได้ ถือเป็นหลักฐานหนึ่งเมื่อเข้าสู่ UNGA เพราะรัฐบาลไทยไม่สามารถหนีหรือจะปฏิเสธการเข้าร่วมการประชุม UNGA ได้ เพราะประเทศไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติ มากไปกว่านั้นรัฐบาลกัมพูชาแพลนไว้ว่าจะเอาเรื่องนี้เข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) แต่ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะอยู่ที่แค่ UNGA”
ผมคิดว่ารัฐบาลไทยต้องมีการเตรียมความพร้อมให้มากกว่านี้ โดยการบอกว่า หากเข้าศาลโลกแล้วไม่มีผล แล้ว หากกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปเข้า UNGA ต่อ ประเทศไทยจะตอบโต้อย่างไร ซึ่งเรายังไม่เห็นข้อเท็จจริงตรงนี้ โดยฝ่ายบริหารต้องทำข้อเท็จจริงออกมา และตีแผ่ว่าที่ผ่านมาทำอะไรไปแล้วบ้าง ซึ่งจะเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ที่จะไปเสนอในเวทีระหว่างประเทศได้ หากเราตั้งรับเพียงแค่เปิด-ปิดจุดผ่านแดนเพียงเท่านั้น คงไม่เพียงพอ เราต้องตื่นตัวให้มากกว่านี้
เห็นแล้วก็เหนื่อยใจครับ เพราะการจัดการปัญหาชายแดนของรัฐบาลอย่างไร ที่ยังแก้ไม่ได้ ทั้งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มันกลับมาในเมียนมาที่ติดกับไทยและยังขยายใหญ่ไปยังกัมพูชา สารพิษในแม่น้ำกก และปัญหาชายแดนภาคใต้ที่ยังไม่มีการตั้งคณะพูดคุยในเรื่องสันติภาพ ทั้งหมดเป็นปัญหาชายแดนของประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ปัญหาในแม่น้ำกก ที่มีสารหนูเข้ามาปนเปื้อน เนื่องจากมีแร่แรร์เอิร์ทจากประเทศเมียนมาที่ไม่เคารพการรักษาสภาพแวดล้อมของโลก ซึ่งประเทศไทยเองก็ยังไม่มีการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและต่อสู้ สำหรับปัญหาชายแดนภาคใต้ ปัจจุบันรัฐบาลยังเงียบอยู่ในการแก้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งก็ยังไม่เห็นว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่กลับลดถอยลงไปเรื่อยๆ ขณะที่รัฐบาลไทยหยุดนิ่ง ตอนนี้มามีปัญหากับกัมพูชาถึงแม้ประเทศไทยเหมือนจะทำงานเชิงรุก แต่ก็ตามกัมพูชาไม่ทัน
“ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่อยากด้อยค่ารัฐบาลไทย แต่อยากจะบอกว่ารัฐบาลไทยไม่ให้การจัดลำดับความสำคัญความเร่งด่วนต่อการแก้ปัญหาชายแดนทั้งหมด ซึ่งพื้นที่ชายแดนของไทยยังได้รับความสนใจน้อยที่สุดในนโยบายรัฐบาลที่ผ่านมา”
ปัจจุบันปัญหาชายแดนเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ และรัฐบาลไม่ยอมพิจารณาเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือรายได้จากการค้าที่มาจากชายแดน ทั้งการค้าชายแดน การค้าผ่านแดนและการค้าข้ามแดน ซึ่งสูงถึง 1.7 ล้านล้านบาทต่อปี แต่ก็เพิกเฉย ไม่มีการเพิ่มนโยบายในการเจรจาให้มากขึ้น เราปล่อยทุกอย่างทิ้งไปหมดคล้ายกับว่า รัฐบาลไทยปัจจุบันวิ่งตามสถานการณ์
เพราะฉะนั้น ประเทศไทยต้องดูองคาพยพทั้งหมด ในบริเวณชายแดนของไทย และประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเรื่องการสร้างสันติภาพกับประเทศเมียนมา เสถียรภาพในชายแดนใต้ รวมถึงเขตแดนต่างๆ กับประเทศประเทศเพื่อนบ้านทั้งสี่ ฉะนั้นประเทศไทยต้องมีการทำงานเชิงรุกด้านกิจการชายแดนทั้งหมดให้มากกว่านี้ครับ
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS