ผศ.ดร.ธรณ์ ลั่น ถึงเวลาต้องร้องไห้ เจอวิกฤตพะยูน เผยตัวเลขชี้ชัดพะยูนในตรังน้อยลง วอน ช่วยสนับสนุนงบประมาณนักวิจัยหาทางออก
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า จากกรณีจนท.นช.พบซากพะยูนเกยตื้นในพื้นที่เกาะลิบง สู่วิกฤตหญ้าทะเลและพะยูน ต่อมา ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยระบุว่า
ผลสำรวจพะยูนเบื้องต้นที่ตรังออกมาแล้วครับ คงถึงเวลาต้องร้องไห้
กรมทะเลบินสำรวจทุกปีที่เดิม ในเดือนเดียวกัน (มีนาคม) ด้วยวิธีเดิมๆ นักบินช่างภาพก็คนเดิมๆ
เมื่อเทียบตัวเลขปีก่อนกับปีนี้ คำว่าตกใจอาจไม่พอ
ปีที่แล้วพบไม่น้อยกว่า 180 ตัว แม่ลูก 12 คู่
ปีนี้พบ 24 ตัว (ลิบง 17 มุกด์ 7) ไม่พบแม่ลูกเลย
เน้นย้ำว่าเป็นผลขั้นต้น ยังต้องสำรวจอีก 2 วัน แต่แค่นี้ก็พอบอกได้ว่าพะยูนตรังน้อยลงมาก ขนาดช่างภาพอาสาสมัครที่มาช่วยสำรวจเป็นสิบๆ ปียังแทบร้องไห้
ปีที่แล้วยังพบพะยูนรวมเป็นฝูง แต่ปีนี้ไม่พบฝูงพะยูนเลย กระจายกันออกไปเป็นตัวเดี่ยวๆ เพราะหญ้าเหลือน้อยมาก
ผลชันสูตรพะยูนที่ตาย พบว่าป่วย ในทางเดินอาหารแทบไม่พบหญ้าทะเล (หากเราไม่มีอะไรกิน เราก็ป่วยตาย ผลชันสูตรคงไม่สามารถระบุได้ว่าอดตาย)
ตัวเลขสำคัญสุดจึงย้อนมาที่ผลสำรวจทางอากาศ พะยูนลดน้อยลงมาก
แล้วพะยูนไปไหน ? เราไม่ได้มีพะยูนตายเป็นร้อยๆ
ดังที่เคยบอกเพื่อนธรณ์ เมื่อหญ้าทะเลหมด พะยูนคงไม่รอให้อดตาย หากตัวไหนไปได้ก็ไป
แต่ไปไหน ? นั่นคือสิ่งที่ผมบอกไว้ในโพสต์ก่อน
เราต้องการโครงการขนาดใหญ่สำรวจต่อเนื่องทั้งพื้นที่ กระบี่/ตรัง/สตูล หรือจะครอบคลุมทั้งอันดามันยิ่งดี
คณะทำงานสัตว์หายากเสนอไปแล้ว หากได้รับความสนับสนุนด้านงบประมาณ นักวิจัยของกรมทะเลพร้อมทำงาน (ตอนนี้สำรวจได้ปีละครั้ง เฉพาะบางพื้นที่)
เลิกสร้างโน่นนี่สักแป๊บ หยุดอีเวนต์ไปประชุมไปดูงานสักหน่อย
เอาเงินมาเจือจุนงานสำรวจวิจัยบ้าง เราเจอวิกฤตของจริงแล้วครับ
สำหรับทางออก การแก้ปัญหา ฯลฯ ยังบอกไม่ได้ เอาแค่ว่าพะยูนหายไปไหนแค่นี้ก่อน
180 เหลือ 24 ไม่มีแม่ลูกเลย แค่นี้ผมก็พูดอะไรไม่ออก คิดอะไรไม่ออก มันตื้อไปหมด
ได้แต่ภาวนาว่าในการสำรวจอีก 2 วัน เราจะเจอน้องพะยูนเยอะขึ้น แม้รู้ดีว่าไม่มีทางเท่าปีก่อน แต่อย่างน้อยก็ขอให้เยอะกว่านี้สักนิด
24 ตัวมันเป็นตัวเลขที่โหดร้ายและทำร้ายจิตใจเกินไปครับ
หมายเหตุ – เป็นผลสำรวจขั้นต้น รอผลเป็นทางการจากกรมทรัพยากรทางทะเลอีกครั้ง แต่จำนวนคงน้อยลงมากเมื่อเทียบกับปีก่อน
เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS