ศาลฎีกาฯ เปิดเอกสารฉบับเต็ม ให้ทักษิณกลับไปรับโทษ 1 ปี ปมชั้น 14
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า วันนี้ เวลา 10 นาฬิกา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ บค 1/2568 กรณีศาลมีคำสั่งให้ไต่สวนว่า การบังคับโทษพันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลยเป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในคดีหมายเลขแดงที่ อม 4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม 5/2551 คดีหมายเลขแดง
ที่ อม 10/2552 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือไม่ โดยให้ให้โจทก์ จำเลย ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ยื่นคำชี้แจงข้อเท็จจริง
โจทก์ จำเลย ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเพพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ยื่นคำชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลพร้อมเอกสารประกอบ
ศาลไต่สวนพยานรวม 31 ปาก
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกว่า ศาลมีอำนาจไต้สวนการบังคับโทษของจำเลย หรือไม่ เห็นว่า การไต่สวนเพื่อตรวจสอบว่าได้มีการบังคับโทษให้เป็นไปตามหมายายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลหรือไม่ มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายรับรองไว้ ในข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินตดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๖๑ วรรรคสอง แม้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและอธิบดีกรบดีกรมราชทัณฑ์จะมีอำนาจตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๖๐
มาตรา ๕๕ และกฎกระทรวงการส่งตังตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. ๒๕๖๓ แต่การนำตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอก เรือนจำนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ตัวผู้ต้องขังขังไปรักษา ตัวนอกเรือนจำด้วย มิใช่ว่าเมื่อเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครหรือกรมราชทัณฑ์ใช้อำนาจตามกฎหมายที่บัญที่บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะแล้วจะไม่อยู่ภายใต้การตรวจสอบความถูกต้องชอบด้วยกฎหมายโดยศาล ดังนั้น หากความปรากฎแก่ศาลว่าอาจมีกาจมีการบังคับโทษผู้ต้องขังในคดีนี้ไม่เป็นตามหมายจำคุกก็มือคดีถึงที่สุด ศาฎีกาเผนหดีอาญาญายผู้ดำรดำรทำแหน่งการมืองซึ่งซึ่งยิ่งปืนศาที่มี
คำพิพากษาและออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดย่อมมีอำนาจไต่สวนและตรวจสอบว่า การที่ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครส่งตัวจำเลยไปรักษาตัวนอกเรือนจำและอธิบดีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้จำเลยรักษาตัวอยู่ภายนอกเรือนจำ ต่อเนื่องจนได้รับการปล่อยตัว เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พเศ. 2560 มาตรา 55 และกฎกระทระทรวงที่เกี่ยวข้องหรือไม่ และเป็นการบังคับโทษให้เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา มาตรา ๘๙ หรือไม่
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่า การไต่สวนของศาลเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคำสั่ง
ของศาลที่ให้ยกคำร้องมือวันที่ 19 ธันวาคม 2566 และวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖๗ หรือไม่ เห็นว่า ที่มาของประเด็นที่ศาลนี้ ได้วินิจฉัย ตามที่นายชาญชัยยื่นคำร้องมาก่อนหน้านี้ทั้งสองฉบับก่อให้เกิดประเด็นแห่งคดีตามคำร้องฉบับแรกที่ยื่นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ว่า เจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ปฏิบัติหน้าที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเกิดประเด็นแห่งคดีตามคำร้อง ฉบับที่สองที่ยืนเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ว่า กรณีตามคำร้องที่ยื่นมีการทุเลาการบังคับโทษตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 246 หรือไม่ ส่วนที่มาแห่งประเด็นแห่งคดีของการไต่สวนครั้งนี้ กำหนดประเด็นการไต่สวน ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อศาล ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากรณีอาจมีการบังคับโทษไม่เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาล ซึ่งยังไม่เคยมีคำวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นนี้มาก่อน ทั้งการไต่สวนของศาลก็ไม่ได้อาศัยเนื้อหาตามคำร้องของนายชาญชัย แต่อย่างใด การดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนของศาลในขั้นนี้จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคำสั่งศาลตามคำร้อง ทั้งสองฉบับ
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS