ทวี ชี้ การหลบหนี แป้ง นาโหนด เป็นการท้าทายกระบวนการยุติธรรม เพราะไปลดความเชื่อมั่นของประชาชนในสังคม ต้องติดตามตัวกลับมาให้ได้ด้วยการจับเป็น
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีการหลบหนีจากการคุมขังของ เชาวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้ง ว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ท้าท้าย เพราะปกติเรื่องของการสืบสวนไล่ล่าจับกุมมักจะไม่มีการบ่งชี้ เพราะป้องกันการไหวตัวทันของผู้ต้องหา
อย่างไรก็ตาม ตนก็ได้รับทราบว่านายเชาวลิตอยู่ในพื้นที่ใด ก็ต้องเร่งติดตาม แต่ขอให้เป็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และในฐานะที่กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานสนับสนุน ตนและคณะทำงานก็จะทำทุกวิถีทาง เพื่อติดตามตัวกลับมาให้ได้ด้วยการจับเป็น รวมถึงการหลบหนีของเจ้าตัวก็มองว่าเป็นการท้าทายกระบวนการยุติธรรม เพราะไปลดความเชื่อมั่นของประชาชนในสังคม
ส่วนเรื่องการประสานขอเข้ามอบตัวด้วยการพ่วงเงื่อนไข ตนขอไม่พูดถึง แต่เราจะทำทุกทาง และหวังว่าจะนำตัวกลับมาสู่กระบวนการยุติธรรมได้ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ ก็ได้รับหนังสือร้องเรียนของนายเชาวลิต เรียบร้อยแล้ว ทราบว่าเคยมีการยื่นร้องเรียนตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้ว แต่เรื่องมาไม่ถึงกระทรวงยุติธรรม ซึ่งในหัวข้อหนังสือร้องเรียนความไม่เป็นธรรมก็เกี่ยวกับเรื่องค่าอาหารแพง คดีเก่าที่เขาอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นต้น
ซึ่งการตั้งคณะกรรมการให้เข้าไปตรวจสอบ ไม่ใช่ตั้งแล้วจบ แต่ต้องประเมินข้อมูลต่อเนื่อง เพราะบางทีข้อมูลของตัวเขาก็เป็นประโยชน์ เรารับฟังแต่ไม่เชื่อทั้งหมด ต้องรอดูข้อเท็จจริงก่อน และต้องดูเรื่องขีดจำกัดต่างๆของหน่วยงาน ทั้งนี้ นายเชาวลิตจะมอบตัวเองหรือไม่ก็เป็นสิทธิของเขา แต่หน้าที่ของเราคือต้องติดตามตัวกลับมาให้ได้
ส่วนกรณีของผู้ต้องหาชาวเยอรมันที่หลบหนีระหว่างการได้รับปล่อยตัวชั่วคราวจากศาล ในประเด็นกระทำชำเราเด็กอายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปีนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ข้อหาที่เขาถูกดำเนินคดี ทราบว่าเป็นข้อหากระทำชำเราต่อเด็ก ยังไม่ใช่คดีค้ามนุษย์ และเท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าประเทศเยอรมันนีและประเทศไทยไม่มีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน จึงทำให้ในส่วนนี้จะต้องเป็นอำนาจของอัยการที่จะมีสำนักงานต่างประเทศในการประสานความร่วมมือในการขอนำตัวผู้ต้องหาดำเนินคดี และที่พบว่าอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปคอรัปชั่นนั้น ตามข้อมูล คือ เขาได้รับการประกันตัวโดยศาล ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาล แม้ว่าในชั้นของพนักงานสอบสวนจะไม่ได้มีการคัดค้านการประกันตัวก็ตาม แต่เราก็ต้องไปตรวจสอบทั้งกระบวนการ และตนก็จะมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีกองคดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ เข้าไปดูว่าในเรื่องนี้เข้าข่ายลักษณะความผิดฐานค้ามนุษย์หรือไม่
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี ยังกล่าวถึงกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำฯ ครบ 120 วัน ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ ว่า เบื้องต้นในกรณีของ ทักษิณ ยังไม่มีระเบียบการคุมขังนอกเรือนจำฯ แต่อย่างใด มีเพียงในส่วนของกรมราชทัณฑ์ที่จะดำเนินการ เพราะหลักการของเรานั้น
สิ่งสำคัญคือเรื่องนักโทษล้นเรือนจำ ซึ่งก็ต้องเข้าไปแก้ปัญหาในส่วนนี้ เช่น การแยกผู้ต้องขังเด็ดขาด ออกจากผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล โดยอาศัยการออกกฎกระทรวงตามมาตรา 89/1 ว่าให้เป็นดุลพินิจของศาลโดยการไต่สวน ว่าอาจจะไม่ต้องนำผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการพิจารณาให้เข้าเรือนจำฯ และนายทักษิณไม่เข้าเกณฑ์นี้ เพราะ ทักษิณ ถือเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดแล้ว ซึ่งในกรณีแก้ปัญหานักโทษล้นเรือนจำฯ หากเราทำได้ ก็จะสามารถลดจำนวนผู้ต้องขังได้ถึง 30,000 ราย และเราก็ต้องไปดูกฎหมายระดับรอง กฎกระทรวงต่างๆกว่า 10 ฉบับที่ยังไม่ได้พิจารณา จะต้องไปตรวจสอบทั้งหมด และเมื่อบังคับใช้จะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายหลัก
พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า ในกรณีจะอนุญาตให้ ทักษิณ นอนพักรักษาตัวต่อจนครบ 120 วันหรือไม่ ตามระเบียบของกฎกระทรวง ทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์จะต้องพิจารณาความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษา ก็คือแพทย์ รพ.ตำรวจ และแพทย์ของราชทัณฑ์ และรายงานมายังปลัดกระทรวงยุติธรรม ก่อนเสนอรายงานมายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ซึ่งจะยึดความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นหลักว่ามีเหตุผลเพียงพอต่อการนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำต่อหรือไม่ ด้วยประการใด ทั้งนี้ ทักษิณ และครอบครัวยังไม่ได้มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 แต่อย่างใด ยังคงยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเพียงครั้งเดียว
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS