“เบสท์ วงศ์ไพโรจน์กุล” ห่วงชุดไทย ถูกระบุเป็นชุดแต่งงานกัมพูชา จี้กระทรวงวัฒนธรรม เร่งยืนยันอัตลักษณ์ไทยในเวทีโลก ชี้ภัยเงียบทางวัฒนธรรมกำลังบ่อนทำลายศักดิ์ศรีชาติไทย ย้ำต้องผลักดันขึ้นทะเบียนชุดไทยกับยูเนสโก
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า เบสท์ วงศ์ไพโรจน์กุล รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ออกมาแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์การบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติไทยบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง “ชุดไทย” ที่ปรากฏในหลายแพลตฟอร์มต่างประเทศว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลระบุผิดว่าเป็น “ชุดแต่งงานของกัมพูชา” จนเริ่มกลายเป็นภาพจำหลักในระบบข้อมูลดิจิทัลทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลให้วัฒนธรรมไทยถูกกลืนหายไปอย่างช้าๆ
เบสท์ กล่าวว่า ปัจจุบันร่องรอยข้อมูลดิจิทัล กำลังกลายเป็นเครื่องมือที่เขียนประวัติศาสตร์แทนมนุษย์ และน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งที่ “ชุดไทย” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความงดงาม อ่อนช้อย และสะท้อนภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย กลับถูกระบุว่าเป็นของประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ต้นแบบแท้จริงมีรากฐานจากวัฒนธรรมไทย แต่หน่วยงานรัฐกลับยังคงนิ่งเฉย ไม่มีการชี้แจงหรือบริหารจัดการข้อมูลในระดับสากลเพื่อปกป้องอัตลักษณ์ไทยอย่างจริงจัง
รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กระแสแฟชั่นการแต่งงานในกัมพูชาได้รับอิทธิพลจาก “ชุดไทยประยุกต์” อย่างเห็นได้ชัด ทั้งในแง่ของรูปแบบการตัดเย็บ สีสัน และองค์ประกอบการตกแต่ง แต่ในโลกออนไลน์กลับมีการระบุชื่อว่า “Khmer Wedding Dress” จนทำให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ และฐานข้อมูลระดับสากลเริ่มเรียนรู้และจดจำผิดพลาดว่าเป็นวัฒนธรรมของกัมพูชาแทนประเทศไทย ซึ่งสถานการณ์นี้ถือเป็นภัยเงียบทางวัฒนธรรมที่กำลังบ่อนทำลายอัตลักษณ์ของชาติไทยอย่างต่อเนื่อง
เบสท์กล่าวว่า วัฒนธรรมคือเกียรติและศักดิ์ศรีของชาติ หากปล่อยให้ข้อมูลในโลกดิจิทัลถูกบิดเบือนได้ง่าย ๆ วันหนึ่งลูกหลานไทยอาจเติบโตขึ้นในโลกที่ไม่มีใครรู้แล้วว่าชุดไทยคืออะไร ไทยคือใคร และสิ่งที่บรรพบุรุษได้สร้างสืบทอดไว้จะสูญหายไปจากความทรงจำของโลก
รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทยเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเร่งดำเนินการอย่างจริงจังและแสดงจุดยืนชัดเจน โดยเสนอให้จัดทำฐานข้อมูลวัฒนธรรมไทยอย่างเป็นทางการบนโลกดิจิทัล เพื่อยืนยันข้อมูลที่ถูกต้องในระดับสากล พร้อมสร้างแคมเปญระดับชาติให้คำว่า “Thai Dress”, “Chud Thai” หรือ “Thai National Costume” ถูกใช้และจดจำอย่างถูกต้องในระบบ AI และแพลตฟอร์มออนไลน์ทั่วโลก
นอกจากนี้ยังควรประสานความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อคุ้มครองอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของไทย และเร่งผลักดันการขึ้นทะเบียน “ชุดไทย” เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติไทยต่อองค์การยูเนสโก (UNESCO) เพื่อยืนยันสิทธิ์และต้นกำเนิดในระดับนานาชาติ
รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การผลักดันให้ชุดไทยขึ้นทะเบียนกับยูเนสโกไม่ใช่การแย่งชิงเครดิตจากชาติใด แต่คือการยืนยันศักดิ์ศรีของชาติไทย ว่าเรามีวัฒนธรรมที่เป็นของเราเอง มีคุณค่าคู่ควรแก่การอนุรักษ์ในระดับโลก และเป็นสิ่งที่ควรถูกส่งต่อให้ลูกหลานไทยได้ภาคภูมิใจ ดังนั้นผู้มีอำนาจ ไม่ควรนิ่งเฉยต่อการบิดเบือนข้อมูลทางวัฒนธรรมอีกต่อไป เพราะ Soft Power ที่แท้จริงของชาติ คือการรู้คุณค่าของตนเองและกล้าที่จะปกป้องสิ่งนั้นอย่างภาคภูมิใจ
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS