กัณวีร์ ยินดีกับข้อตกลงหยุดยิง แต่สิ่งสำคัญ ไทยยังต้องกดดันกัมพูชาต่อไป
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
ความจริงใจเท่านั้นที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ ยินดีกับข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อในการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา หวังว่าจะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเคร่งครัดทั้งสองฝ่าย
ข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อที่ไทยและกัมพูชา เห็นชอบร่วมกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป GBC ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยรัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองประเทศ เป็นก้าวย่างที่ดีต่อการสร้างสันติภาพของทั้งสองประเทศ และลดความตึงเครียดตลอด 15 วัน นับจากปะทะเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา เพราะมีความคืบหน้าในแนวปฏิบัติข้อตกลงหยุดยิงที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการไม่ใช้อาวุธทุกประเภท การไม่โจมตีพลเรือน การไม่เคลื่อนย้ายกำลัง การไม่ยั่วยุให้สถานการณ์ตึงเครียด และการย้ำในหลักการกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
การกำหนดกลไกติดตามการหยุดยิงที่ยังเน้นย้ำกลไกทวิภาคี โดยให้เพียงผู้ช่วยทูตทหารจากอาเซียนเป็นผู้สังเกตการณ์ ก็เป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพื่อให้ทั้งสองประเทศหันกลับมาใช้กลไกทวิภาคีในการพูดคุยตามลำดับ แม้ประเด็นความขัดแย้งของไทยและกัมพูชา จะถูกจับตาในประชาคมโลกไปแล้ว
ผมเห็นด้วยนะครับ ที่ไทยเสนอเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและการแก้ปัญหาอาชญากรรมสแกมเมอร์ แต่น่าเสียดายที่กัมพูชายังไม่ตอบตกลง ซึ่งเป็นไปได้ที่จะเน้นการตกลงหยุดยิงก่อน แต่ปัญหาทุ่นระเบิดเป็นต้นตอปัญหาที่นำมาสู่การปะทะ และการปราบปรามอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ เป็นสิ่งสำคัญที่ไทยต้องแสดงท่าทีเพื่อกดดันกัมพูชา อย่างที่ผมเคยเสนอไป
ผมหวังว่าข้อตกลงหยุดยิงในวันนี้จะนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้ประชาชน พี่น้องตามแนวชายแดนทั้งสองฝั่ง จะได้กลับบ้านได้อย่างปลอดภัย เพราะการอพยพจากภัยสงครามการสู้รบ ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศตัวเองอาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังและสร้างปัญหาอื่นๆ ตามมาในที่สุด ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอกครับ
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS