เพจดัง ชวนคิด!! ลูกหลานใครเป็นอย่างน้อย 3 สัญญาณใน 6 ข้อ มีแนวโน้มสูงเติบโตไปอย่างผิดๆ!
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า เพจวันนั้นเมื่อฉันสอน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
โลกเปลี่ยนอย่างฉับพลันขณะที่การศึกษาไทยถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เราเผชิญกับภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนที่รุนแรงกว่าเมื่อก่อนมาก เนื่องจากการเข้ามาของเทคโนโลยี ปัจจุบันครูไม่ได้ต่อสู้แค่กับความไม่รู้ของเด็กแต่ยังต่อสู้กับปัญหาเชิงพฤติกรรม หากไม่ปฏิรูปการศึกษาอย่างแท้แล้วจริงเราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังและก้าวตามโลกไม่ทัน
ช่วงหลังมานี้ผู้เขียนเริ่มพบปัญหาในห้องที่เกี่ยวกับการสอน เมื่อเรียกนักเรียนในห้องแล้วไม่หันตามเสียงเรียก ก่อนจะพบว่าเด็กชอบที่จะใส่หูฟังแล้วนอนหลับไปและเล่นโทรศัพท์โดยปราศจากการควบคุมของผู้ใหญ่
บางคนง่วงเหงาหาวนอนเพราะเล่นโทรศัพท์ดึกดื่นใต้ผ้าห่ม เล่นเกมโดยไม่สามารถสั่งตัวเองให้หยุดได้ มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ที่เด็กแทบทุกคนต้องมี ซึ่งปัญหาเชิงพฤติกรรมเหล่านี้ได้กลายเป็นปัญาการศึกษาทางอ้อม
โลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วมากจนผู้ปกครองปรับตัวตามไม่ทัน รู้หรือไม่ว่าเด็กป.5 รู้จักการโหลดแอพหาคู่และนัดเจอเพื่อนต่างเพศได้จากสังคมออนไลน์
มีการริเริ่มโปรโมทเว็บพนันเริ่มเล่นและลองยาเสพติด เด็กสามารถสั่งของออนไลน์ได้ เช่นสั่งบุหรี่ไฟฟ้ามาสูบ หากที่บ้านห้ามก็จะสั่งให้ไปส่งบ้านเพื่อนรู้จักการเก็บปลายทางและอื่น ๆ
เดิมในสมัยก่อนความบันเทิงจะมีเพียงไม่กี่แบบคือ “โทรทัศน์” และเพียงไม่กี่ช่องปัจจุบันโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว เด็กสามารถดูคลิปโป๊ะได้จากทั่วทุกมุมโลกของโลก สามารถอ่านการ์ตูนในเรท 18+ ไม่ใช่แค่เรื่องเพศแต่ยังรวมไปถึงความรุนแรงเช่นการตัดอวัยวะ เด็กสามารถเต้นในท่าทางที่เป็นการกระตุ้นทางเพศ และเรียนรู้จากคำหยาบได้อย่างง่ายดายจากในนั้น
ภาพที่ผู้ปกครองเห็นลูกหลานอยู่ในห้องไม่ไปไหนกับโทรศัพท์เครื่องหนึ่งคิดว่าเขาเป็นเด็กดีอยู่บ้านไม่ท่องเที่ยว ความจริงแล้วเขาอาจจะกำลังท่องโลกและเริ่มพบกับมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์ ที่เข้ามาตีสนิท ให้การยอมรับมากกว่าคนในครอบครัวและตกลงคบหาโดยที่ไม่มีการพบหน้าและสุดท้ายหลอกให้ส่งภาพลับก่อนที่จะนำมาแบลคเมล์ในภายหลังทำให้เด็กต้องอยู่อย่างหวาดกลัว
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้มันจะมาแทนจนเราแทบตามไม่ทันเหมือนกล้องดิจิตอลที่เข้ามาแทนกล่องฟิล์มในเสี้ยววินาที หากครูผู้สอนและครอบครัวไม่ปรับตัวเราจะเผชิญกับภาวะวิกฤตในการเลี้ยงดูเด็กอย่างมาก
ลองสำรวจดูง่าย ๆ ว่าเราควบคุมพฤติกรรมลูกหลานได้ขนาดไหน
1.สามารถสั่งให้หยุดเล่นโทรศัพท์ได้ทันที
2.ลูกสามารถรอคอยได้ต้องทำอย่างอื่นเสร็จก่อนค่อยได้เล่นมือถือ
3.การบอกให้ทานข้าวอาบน้ำหรือทำงานบ้านเป็นเรื่องยากลำบาก
4.ไม่สามารถควบคุมการใช้จ่ายของลูกได้
5.ขาดความรับผิดชอบต่องานที่โรงเรียน ไม่กระตือรือล้นในขณะที่เพื่อนร่วมห้องเดียวกันไม่มีปัญหานี้
6.หงุดหงิดหรือก้าวร้าวเมื่อไม่ได้เล่นโทรศัพท์มือถือ
หากมี 3 ข้อขึ้นไปนั่นเป็นสัญญาณอันตรายว่า เด็กมีแนวโน้มที่จะเติบโตไปอย่างผิด ๆ เชื่อหรือไม่ว่าเด็กประถมต้นเริ่มรู้จัก กัญชา และ การต้มน้ำใบกระท่อม มีการดัดแปลงทำบ้องกัญชาจากขวดน้ำเพื่อเป็นอุปกรณ์ในการเสพ
การศึกษากลายเป็นเรื่องไกลตัวเพราะเด็กบางคนมีเน็ตไอดอลที่ฝังหัวว่าไม่จำเป็นต้องเรียน ก็ประสบความสำเร็จได้ ปัญหาการท้องในวัยเรียนที่มากขึ้นและปัจจุบันครูผู้สอนจะพบปัญหาแบบที่คล้าย ๆ กันอีกแบบคือ
” เด็กแทบไม่อ่านข้อสอบเลย ” ซึ่งเริ่มมีสมาธิที่สั้นลง เพราะการเสพติดคลิปสั้นที่ต้องรวดเร็วกระชับ ไม่ทันใจปัดผ่าน ขาดการอดทน
เมื่อครูไม่ได้ต่อสู้แค่กับความไม่รู้ของเด็ก มันจึงเป็นเรื่องท้าทายว่า
เราจะทำอย่างไรเพื่อสร้างผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพจากยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วแบบนี้ แน่นอนว่า “การศึกษาแบบเดิมไม่สามารถทำได้”
หากเชื่อแบบเดิมคิดแบบเดิมเราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังและได้พลเมืองที่ขาดคุณภาพ
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS