เคนโด้ สะท้อนภาพสังคม ผ่านกระแสข่าวร้อนลำไย ไหทองคำ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือเคนโด้ เจ้าของเพจเคนโด้ช่วยด้วย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ปมร้อนลำไย ไหทองคำและแดนเซอร์ชาย โดยระบุว่า
แนวทางการวิเคราะห์ข่าว “ลำไย ไหทองคำ” ในมุมมองของเคนโด้ช่วยด้วย
หาก “เคนโด้ช่วยด้วย” จะวิเคราะห์ข่าวนี้ให้เป็นประโยชน์กับสังคมที่สุด เราควรเขียนข่าวโดยใช้ แนววิเคราะห์เชิงลึก และ แง่มุมที่ส่งผลต่อสังคม มากกว่าการเล่นกระแสเพื่อความบันเทิง เราสามารถแบ่งการวิเคราะห์เป็น 5 แกนหลัก เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจและตระหนักถึงปัญหาสังคมที่เกี่ยวข้อง ดังนี้:
1.การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัว
ประเด็น: กรณีของลำไยสะท้อนให้เห็นว่า “ความเป็นส่วนตัวของคนดังในยุคโซเชียล” กำลังถูกคุกคามอย่างหนัก
การวิเคราะห์:
-ในยุคที่ข้อมูลถูกแชร์ได้ง่าย การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลกลายเป็นเรื่องปกติของสังคม
-คลิปหรือข้อมูลที่ไม่ควรถูกเผยแพร่กลับกลายเป็น “ของร้อน” ที่คนอยากเสพโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ถูกกล่าวถึง
-ประชาชนควรมี Media Literacy (ความฉลาดทางสื่อ) และตั้งคำถามว่า “เรากำลังละเมิดสิทธิของคนอื่นหรือไม่?”
ทางออก: “อย่าให้สังคมเป็นผู้พิพากษาโดยไม่มีหลักฐาน” คนดังหรือบุคคลทั่วไปก็ควรได้รับสิทธิในความเป็นส่วนตัว
2.พฤติกรรมการเสพข่าวของสังคมไทย
ประเด็น: ข่าวบันเทิงและดราม่าส่วนตัว มักกลายเป็นไวรัลมากกว่าข่าวที่ส่งผลกระทบต่อสังคม
การวิเคราะห์:
-กระแสของลำไยถูกขยายออกไปอย่างรวดเร็วในโซเชียล
-ในขณะที่ข่าวเศรษฐกิจ การศึกษา หรือการช่วยเหลือสังคมมักได้รับความสนใจน้อยกว่า
-สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า “สังคมไทยให้ค่ากับข่าวบันเทิงมากกว่าประเด็นที่ควรตระหนักจริงๆ”
ทางออก: “สื่อและประชาชนต้องปรับพฤติกรรมการเสพข่าว” หันมาให้ความสำคัญกับข่าวที่มีผลต่อชีวิตและอนาคตมากขึ้น
3.บทเรียนเรื่องความสัมพันธ์และแรงกดดันของคนดัง
ประเด็น: ชีวิตคู่ของคนดังมักตกเป็นเป้าให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์เกินขอบเขต
การวิเคราะห์:
-ลำไยกับแฟนหนุ่มคบกันมานาน 9 ปี แต่กลับต้องจบลงท่ามกลางกระแสสังคมที่โหมกระหน่ำ
-ชีวิตคู่ของคนดัง ไม่ใช่ของสาธารณะ แต่สังคมกลับมองว่า “พวกเขาต้องเปิดเผยทุกอย่าง”
-แรงกดดันจากสื่อและแฟนคลับมีส่วนสำคัญที่ทำให้หลายคู่รักดาราต้องจบลง
ทางออก: “ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ใช่เรื่องที่สังคมต้องเข้ามาตัดสิน”
4.กฎหมายเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวในโซเชียล
-ประเด็น: การแชร์ข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย
-การวิเคราะห์:
พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (5) กำหนดว่า “การนำเข้าข้อมูลที่เป็นเท็จหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น” มีโทษทั้งจำคุกและปรับ
ผู้ที่แชร์ข้อมูลโดยไม่มีหลักฐาน อาจถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกับผู้เผยแพร่ครั้งแรก
สังคมต้องตระหนักว่า “ไม่ใช่แค่คนปล่อยข่าวที่ผิด คนแชร์ต่อก็อาจผิดกฎหมายได้”
ทางออก: “ก่อนแชร์อะไร คิดให้ดีว่าเรากำลังทำร้ายใครอยู่หรือไม่”
5.สื่อควรปรับตัวอย่างไรในยุคโซเชียล?
ประเด็น: สื่อควรนำเสนอข่าวที่มีคุณภาพและสร้างผลดีต่อสังคม
การวิเคราะห์:
-ข่าวดราม่าของคนดังทำให้สื่อบางแห่งมุ่งเน้นแต่เรื่องที่ “ขายได้” มากกว่า “ข่าวที่มีคุณค่า”
-สื่อควรทำหน้าที่ “ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์” มากกว่าการสร้างกระแสเพื่อเรียกยอดวิว
-นักข่าวและแพลตฟอร์มโซเชียลควรมี จรรยาบรรณ และหลีกเลี่ยงการเล่นข่าวที่อาจละเมิดสิทธิของบุคคล
ทางออก: “สื่อควรเป็นกระบอกเสียงเพื่อสังคม ไม่ใช่เพียงกระบอกเสียงเพื่อความบันเทิง”
สรุป: เราควรเรียนรู้อะไรจากกระแสข่าวลำไย?
-อย่าละเมิดความเป็นส่วนตัวของใคร แม้จะเป็นคนดัง
-ปรับพฤติกรรมการเสพข่าว ให้ความสนใจกับข่าวที่มีผลต่ออนาคตมากขึ้น
-อย่าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา โดยแชร์ข่าวที่ไม่มีประโยชน์ต่อสังคม
-ให้เกียรติและเข้าใจว่าคนดังก็มีชีวิตส่วนตัวเช่นเดียวกับเรา
-ใช้โซเชียลอย่างมีสติ เพราะทุกโพสต์และการแชร์อาจส่งผลกระทบที่เราคาดไม่ถึง
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS